เปิดบทสัมภาษณ์ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ อีกมุมที่คุณไม่เคยรู้
ย้อนเวลากลับไปกว่า 10 ปีที่แล้ว ได้มีกระแสของภาพยนตร์ไทย ‘รักแห่งสยาม’ ที่สร้างความประทับใจ และยังคงติดตรึงอยู่ในความทรงจำของคอหนังมาจนถึงทุกวันนี้ ในเวลานั้นนอกจากตัวภาพยนตร์จะเป็นกระแสได้รับการกล่าวถึงแล้ว ชื่อของเด็กหนุ่มหน้าใสผู้รับบท ‘โต้ง’ ก็ถูกพูดถึงและสร้างชื่อให้กับเขาเรื่อยมา นับเป็นการเติบโตของชื่อเสียงพร้อมๆ กับพัฒนาการทางการแสดงขอ ‘มาริโอ้ เมาเร่อ’ ในฐานะนักแสดงหนุ่มมากความสามารถ
ซึ่งในโอกาสที่การถ่ายทำละครเรื่องใหม่ ‘ทองเอก หมอยา ท่าโฉลง’ ปิดกล้องลง จึงทำให้หนุ่มอารมณ์ดีคนนี้ได้มาขึ้นฉบับส่งท้ายปีกับเรา พร้อมโลเคชั่นถ่ายแบบที่ไม่ธรรมดา เพราะเราได้ยกกองกันไปถ่ายแฟชั่นบนขบวนรถไฟสุดหรู Eastern & Oriental Express และในระหว่างที่หนุ่มโอ้กำลังเสริมหล่อให้พร้อมในห้องพักภายในรถไฟขบวนนี้ เราก็ได้เข้าไปนั่งพูดคุยพร้อมถามถึงความคืบหน้าของละครเรื่องล่าสุดของเขา
“ในเรื่องผมรับบท ทองเอก เป็นหมอยาครับ ซึ่งทั้งตระกูลเป็นหมอยามาตลอด ตัวโอ้ในเรื่องเป็นลูกชายคนเดียว หลังจากที่พ่อกับแม่เสียไปแล้ว เราก็อาศัยอยู่กับปู่ แล้วก็ต้องรับอาชีพต่อ คือเหมือนเป็นอาชีพที่สืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆ แบบนี้ครับ คาแรกเตอร์ก็จะออกไปทางสนุกสนาน และจริงๆ จะเป็นคนเก่งอยู่เรื่องเดียวคือเรื่องยา ที่เหลือไม่เก่งเลย (หัวเราะ) ด้วยความที่ต้องรับบทเป็นหมอยา ก็เลยทำให้ต้องไปเรียนให้พอเข้าใจว่าลึกๆ แล้วมันคืออะไร เพราะว่าหมอยาไทยในสมัยก่อนก็จะ adapt มาจากหลายๆ ยา ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะได้รับอิทธิพลมาจากจีน อย่างที่เราน่าจะพอเคยได้ยินกันก็คือหมอแมะ ไทยเราเองก็มีเหมอแมะเหมือนกัน ดังนั้นเราก็ต้องไปฝึกว่าจะหมอแมะเป็นอย่างไร แมะตรงไหน ต้องเรียนรู้เยอะครับ อย่างสมมติถ้ามีคนไข้มาก็ต้องเรียนรู้ว่าจะต้องทำอย่างไร ต้องรู้ด้วยว่าที่เราแมะมันแปลว่าอะไร ส่วนใหญ่เน้นเรียนปฏิบัติครับ แล้วก็ต้องไปเรียนเผายาด้วย ในเรื่องจะมีซีนใหญ่ที่ต้องเผายา ซึ่งโอ้ว่ายากทีเดียว”
และเมื่อถูกเราแซวว่าหลังจบเรื่องนี้สงสัยไปเป็นหมอได้เลย หนุ่มโอ้ก็หัวเราะอย่างอารมณ์ดี พร้อมกับบอกว่า “ไม่ถึงขนาดนั้นครับ แต่มันเป็นอีกอย่างหนึ่งที่โอ้รู้สึกว่าแตกต่าง คือจะไม่เหมือนกับยาที่เราเห็นทุกวันนี้ เป็นยาไทย ส่วนใหญ่ก็ต้องเรียนรู้เกี่ยวกับต้นไม้ พวกพืชสมุนไพรหลายๆ อย่าง แล้วจะมียาที่ได้จากสัตว์ด้วย ยาที่ได้จากสิ่งต่างๆ รอบตัวแบบนี้ครับ ก็ต้องเรียนรู้ แล้วโอ้ก็ต้องจำด้วยครับ เพราะมีบทพูดเยอะ” ส่วนบรรยากาศการทำงานในกองหนุ่มโอ้ก็ได้เล่าให้เราฟังว่าถึงแม้การถ่ายทำจะค่อนข้างเร่ง เพราะอยากให้คนดูได้ชมกันเร็วๆ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเต็มไปด้วยความสนุกสนานเฮฮา ยกเว้นเจ้าตัว เพราะต้องรับผิดชอบกับบทที่ยาวพอดูเลยทีเดียว
และสำหรับการได้ร่วมงานกับพี่ชุ ชุดาภา (ผู้จัดละคร) เป็นครั้งแรกนี้หนุ่มโอ้ก็บอกว่าทั้งสนุกและได้ประสบการณ์หลายอย่าง เพราะทุกครั้งที่ได้ทำงานด้วยกันพี่ชุก็จะเต็มที่ และคอยบอกคอยแนะในรายละเอียดหลายๆ อย่างรวมถึงคอยดูแลเขาเป็นอย่างดี จึงทำให้หนุ่มคนนี้เกิดความประทับใจไม่น้อย เช่นเดียวกับการร่วมงานกับนางเอกสาวมากความสามารถอย่าง คิมมี่ คิมเบอรี่ ซึ่งทันทีที่เราถามถึงการร่วมงานกับนางเอกสาวคนนี้ หนุ่มโอ้ก็ตอบอย่างรวดเร็วว่า “ทำงานกับน้องคิมสนุกมากครับ น้องคิมเป็นคนสนุกสนานเฮฮามาก พอได้เล่นกับน้องคิมแล้วรู้สึกว่าไม่ค่อยเกร็งดี เวลาแสดงน้องเขาก็เต็มที่เป็นมืออาชีพครับ ในเรื่องน้องเขาจะบทบาทเยอะกว่าโอ้อีก เพราะว่าเขาต้องบู๊ ทำให้ตอนหลังๆ เขาจะเปลี่ยนชื่อเรื่องแล้ว เปลี่ยนเป็นชื่อนางเอกแทนคือ ‘ชบา หมอยา ท่าโฉลง’ ทองเอกไม่เกี่ยวครับ” พูดจบพร้อมส่งเสียงหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
พูดคุยอัพเดตถึงเรื่องงานได้อยู่นานสองนาน แต่เมื่อเราลองยิงคำถามถึงเรื่องความรักบ้าง หนุ่มหน้าใสคนนี้กลับเฉไฉ และเลี่ยงที่จะตอบโดยใช้เทคนิคเฉพาะตัวแบบน่ารักๆ ด้วยการบอกว่า “เป็นสิ่งที่บอกไม่ได้ ต้องเก็บเอาไว้ข้างใน เป็นความลับที่อยู่ในใจ แต่เปิดเผยไม่ได้” พร้อมกับหัวเราะ ก่อนจะพูดต่อว่า “นี่มาเป็นเพลงเลยนะ” แต่แล้วก็เปลี่ยนท่าทีและให้เหตุผลว่า “ไม่หรอกครับ คือเราก็ยังไม่ได้ว่าพร้อมที่จะพูดอะไรเยอะแบบนี้มากกว่า แล้วก็ไม่ได้อยากเน้นเรื่องนี้ แต่อยากเน้นไปที่เรื่องงานมากกว่าครับ คือก็รู้สึกว่าเรามองเรื่องงานมาก่อน และถ้าจะถามถึงสถานะความรักตอนนี้ ก็ตอบยากเหมือนกันครับ” หัวเราะก่อนจะพูดเล่นกลบเกลื่อนว่า “คือหาตัวเองยังไม่เจอ ไม่รู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายหรือผู้หญิง”
คำตอบของโอ้ทำเอาเราต้องยอมแพ้ ข้ามเรื่องความรักไปถามถึงเรื่องกิจกรรมที่ชื่นชอบอยู่ตอนนี้นั่นคือการขี่มอเตอร์ไซด์ ซึ่งหนุ่มโอ้ก็บอกกับเราว่าสาเหตุที่ชื่นชอบการขี่มอเตอร์ไซด์ก็เพราะเป็นกิจกรรมที่อันตราย มีความเสี่ยง แต่ก็มีความสนุกในคราวเดียวกัน ซึ่งก่อนหน้านี้ส่วนใหญ่แล้วเขาก็มักจะขี่อยู่แค่ไหนเมืองไทย แต่ล่าสุดได้มีโอกาสไปลองขี่ที่ต่างประเทศดูบ้างก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่สนุกดีเหมือนกัน “ล่าสุดเพิ่งได้มีโอกาสไปขี่ที่เล่ห์ ลาดัก ก้นเขียวเลยครับ (หัวเราะ) คือมันลำบากเหมือนกัน เพราะว่าเราไม่ค่อยคุ้นกับสถานที่ ไหนจะเรื่องของอากาศด้วย แต่ก็สนุกดีครับ ทริปนี้ไปกับผู้จัดการโอ้ด้วย กับพี่ๆ เพื่อนๆ รวมแล้วก็ 7 – 8 คนได้ครับ ซึ่งที่เลือกไปที่นี่ก็เพราะเป็นที่ที่ผู้จัดการอยากไปแค่นั้นเลยครับ แล้วผมก็เลยต้องตามใจเขา (หัวเราะ)
แต่พอไปแล้วก็ประทับใจนะครับ ประทับใจทุกอย่างเลย ยกเว้นห้องน้ำกับอาหารครับ (หัวเราะ) คืออาหารก็จะค่อนข้างกินยากนิดหนึ่ง แล้วเรื่องอากาศก็เป็นปัญหาเหมือนกัน เพราะบนนั้นอากาศจะน้อยครับ ก็เลยจะมีบ้างที่ขี่มอเตอร์ไซค์อยู่ดีๆ สักพักก็เลือดกำเดาไหล เราก็งงๆ แต่ว่าเส้นทางมันสวยมาก เลยทำให้ลืมความลำบากไปได้ด้วยเหมือนกันครับ หลังจากทริปนี้ถ้าถามว่ายังมีสถานที่อื่นที่อยากลองไปขี่มอเตอร์ไซด์ดูไหม ก็น่าจะเป็นที่แชงกรีล่า ด้วยความที่ตอนนี้เห็นคนเขาชอบไปที่นั่นกัน ก็อยากจะลองไปดูบ้าง แล้วก็อยากไปขี่ประเทศอื่นที่อากาศหนาวๆ ไปเลยครับ แต่ก่อนจะไปถึงตรงนั้นความตั้งใจของผมในปีหน้านี้ก็คือ อยากจะพัฒนาตัวเองให้มากขึ้นอีกครับ แล้วก็อยากรับงานให้หลากหลายมากขึ้น ท้าทายความสามารถตัวเราเองมากขึ้นไปอีกครับ” เราก็หวังว่าหนุ่มโอ้จะประสบความสำเร็จ ได้ทำอย่างที่ตั้งใจทั้งเรื่องงาน และกิจกรรมที่รัก