TOP

‘ก้าวสู่ปีที่ 4’ ขับเคลื่อนกรุงเทพฯ สู่เมืองแห่งโอกาสและความหวัง

ครบรอบ 3 ปี ของการทำงานตามแนวนโยบาย 9 ด้าน 9 ดี ของนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ที่ภาพรวมผลงานประสบความสำเร็จและเห็นเป็นรูปธรรมด้วยเทคโนโลยีและพลังความร่วมมือจากทุกภาคส่วน พร้อมเดินหน้าอย่างต่อเนื่องภายใต้แนวคิด ‘ก้าวสู่ปีที่ 4’ ขับเคลื่อนกรุงเทพฯ สู่เมืองแห่งโอกาสและความหวัง

ในวันแถลงผลงานการทำงานครบ 3 ปี เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ณ ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครกล่าวว่า “ผมเชื่อว่า ไม่ว่าปัญหาอะไรเกิดขึ้น ถ้าเราร่วมมือร่วมใจกัน มีกลยุทธ์ที่ชัดเจน เราเอาชนะปัญหา เดินหน้าต่อได้ อย่างระบบราชการที่ล่าช้า ไม่ประสานงาน นี่คือสิ่งที่เราถูกบ่น แต่ก็แก้ปัญหาด้วยการให้อำนาจประชาชนแจ้งปัญหาผ่าน ‘Traffy Fondue’ ซึ่งเป็นตัวชี้วัดข้าราชการว่า ต้องทำตามที่ประชาชนร้องเรียนมา นี่คือการปฏิรูปราชการโดยไม่ต้องเปลี่ยนแปลงกฎหมาย ใช้กรอบอำนาจที่มี ไม่ได้ใช้งบประมาณเพิ่ม ใช้คนเท่าเดิม แต่เปลี่ยนรูปแบบการทำงาน โดย 3 ปีที่ผ่านมา มีการแก้ไขปัญหาไปแล้ว จำนวน 754,004 เรื่อง จากที่มีผู้แจ้งทั้งหมด 929,853 เรื่อง ประชาชนมีความพึงพอใจ 81%”

 

‘เทคโนโลยี’ คือ หัวใจที่จะเปลี่ยนเมือง

การดำเนินงานของ กทม. มี ‘เทคโนโลยี’ เป็นหัวใจของการเปลี่ยนเมือง หรือเรียกว่า Low – Hanging Fruit นั่นคือ สิ่งที่ต้องแก้ไขได้อย่างรวดเร็วโดยนำเทคโนโลยีไปใช้ เช่น ปัญหารถติด ในช่วง 3 ปี กทม. มีการลองใช้กล้อง AI จับปริมาณรถและเปลี่ยนสัญญาณไฟตามปริมาณรถ แทนการใช้ตำรวจจราจร ผลลัพธ์ดีขึ้น 13 – 15% โดยจะขยายผลต่อไปให้ครบ 500 ทางแยก ทั่วกรุงเทพฯ และได้มีการจัดตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน AI เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

นอกจากนี้ ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวย้ำเพิ่มเติมว่า “สำหรับหัวใจในการทำงานของ กทม. คือ ทำให้ ‘เมืองน่าอยู่’ พัฒนาคุณภาพชีวิตและพลังที่จะขับเคลื่อนให้เมืองน่าอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ นั่นคือ ‘ความไว้วางใจ’ ที่ กทม. มีให้กับทั้งประชาชนและภาคีเครือข่าย เนื่องจากปัจจุบัน กทม. มีปัญหาเรื่อง ‘ประสิทธิภาพ’ เช่น เรื่องระเบียบ เรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ถ้าไม่เพิ่มประสิทธิภาพตรงนี้ โอกาสที่จะดึงนักลงทุนชาวต่างชาติ หรือแข่งขันกับคนอื่นจะเป็นไปได้ยาก นอกจากนี้ สิ่งสำคัญที่จะเป็น ‘ความหวัง’ ของกรุงเทพฯ คือ คนรุ่นใหม่ที่มีพลัง ซึ่งผลงาน กทม. หลายอย่างเกิดจากความช่วยเหลือของคนที่อยู่นอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็นเว็บไซต์ กิจกรรมสร้างสรรค์ หรือโครงการต่าง ๆ ช่วง 3 ปีที่ผ่านมา พิสูจน์แล้วว่าภาคีเครือข่ายที่แข็งแรง เป็นพลังในการขับเคลื่อนเมือง”

 

นโยบาย 9 ด้าน 9 ดี

จากแนวคิดสู่การลงมือทำของ กทม.

ในช่วง 3 ปี กทม. ดำเนินการตามนโยบาย 9 ด้าน 9 ดี ครอบคลุมการพัฒนาใน 9 ด้านหลัก ได้แก่ การบริหารจัดการเมือง การพัฒนาสิ่งแวดล้อม การส่งเสริมเศรษฐกิจ การพัฒนาระบบขนส่ง การดูแลสุขภาพประชาชน การศึกษา การพัฒนาสาธารณูปโภค การส่งเสริมวัฒนธรรม และการสร้างความปลอดภัยในเมือง เช่น

เดินทางดี

แก้ไขจุดเสี่ยงน้ำท่วม 516 จุด จาก 737 จุด ลอกท่อ ลอกคลอง เปิดทางน้ำไหล 70%

แก้ไขปัญหาจราจร ปรับสัญญาณไฟจราจรเป็นแบบ Adaptive ลดความล่าช้าได้ 15% ต่อแยก แก้ไขปัญหาจุดฝืดมากกว่า 50 จุด เพิ่มความเร็ว 5% ต่อจุด และผายปากทางแยก 70 จุด

ส่งเสริมเมืองเดินได้ปั่นได้ ปรับปรุงทางเท้า 1,100 กิโลเมตร เพิ่ม Bike Sharing กว่า 1,100 คัน มีการใช้งานมากกว่า 75,000 ครั้ง พัฒนา Skywalk ย่านการแพทย์ราชวิถี และสะพานเขียวเชื่อมสวนเบญจกิติและสวนลุมพินี

ส่งเสริมขนส่งสาธารณะ สร้างศาลารอรถเมล์ใหม่ มากกว่า 100 แห่ง โดยตั้งเป้าศาลาใหม่ 300 แห่ง ป้ายรถเมล์ใหม่ 500 แห่ง

ชำระหนี้สิน BTS และค่าเดินรถบางส่วน 37,000 ล้านบาท

ปลอดภัยดี

เพิ่มความปลอดภัยทางถนน ปรับปรุงไฟฟ้าส่องสว่าง 115,000 ดวง ติดตั้งกล้อง AI CCTV ตรวจจับขับขี่จักรยานยนต์บนทางเท้ากว่า 460,000 คดี สนับสนุนการปรับปรุงทางม้าลาย 2,100 แห่ง ปรับลดความเร็วรถเหลือ 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

เพิ่มขีดความสามารถจัดการสาธารณภัย ก่อสร้าง และปรับปรุงสถานีดับเพลิง 5 แห่ง ซ่อมแซมรถดับเพลิงพร้อมใช้งาน 80% กระจายถังดับเพลิงไปยังชุมชน 74,000 ถัง รวบรวมข้อมูลและตรวจสอบความพร้อมใช้งานประปาหัวแดง 24,000 จุด

โปร่งใสดี

ร้องเรียนผ่าน Traffy Fondue กทม. รับเรื่องกว่า 900,000 เรื่อง แก้ไขแล้วเสร็จกว่า 750,000 เรื่อง ใช้เวลาแก้ปัญหาโดยเฉลี่ย 5 วันต่อเรื่อง

เปิดเผยข้อมูลงบประมาณแบบ Machine Readable สามารถติดตามความคืบหน้าการเบิกจ่ายงบประมาณ Open Budgeting

แก้ไขปัญหาทุจริต สามารถลงโทษข้าราชการทุจริต 28 ราย

ปรับระบบการขออนุญาตก่อสร้างออนไลน์ทราบผลภายใน 14 วัน ด้วยระบบ BMA OSS มีผู้ยื่นประมาณ 3,000 ราย

สิ่งแวดล้อมดี

ลดและคัดแยกขยะ พบว่าปริมาณขยะลดลงมากกว่า 1,000 ตันต่อวัน ประหยัดงบประมาณค่ากำจัดขยะกว่า 1,000 ล้านบาท ค่าเก็บขนขยะ 2,000 ล้านบาท โดยผลักดันข้อบัญญัติฯ การคัดแยกขยะเพื่อลดค่าธรรมเนียม

แก้ไขปัญหาฝุ่น 5 ด้วยมาตรการ Low Emission Zone มีรถลงทะเบียนบัญชีสีเขียวกว่า 60,000 คัน สร้างเครือข่าย Work From Home (WFH) 100,000 คน ให้ยืมรถอัดฟางลดการเผาตอซังครอบคลุมพื้นที่ 17,000 ไร่ พัฒนาห้องเรียนปลอดฝุ่น 740 ห้อง

เพิ่มพื้นที่สีเขียว ปลูกต้นไม้กว่า 8 ล้านต้น พัฒนาสวน 15 นาที 200 สวน ขยายเวลาเปิด – ปิด สวนสาธารณะและขยายการให้บริการ Pet Park

สุขภาพดี

เพิ่มขีดความสามารถของสถานพยาบาล ก่อสร้างปรับปรุงโรงพยาบาลให้รองรับผู้ป่วยนอกได้มากกว่า 1,000,000 ราย ขยายคลินิกนอกเวลารองรับผู้ป่วยได้มากกว่า 300,000 ราย และ Pride Clinic ให้คำปรึกษา 45,000 ราย

ส่งเสริมสุขภาพของประชาชนและสัตว์เลี้ยง ผลักดันโครงการสุขภาพผ่านกองทุน สปสช. 4,900 โครงการ ทำหมันสุนัขและแมวกว่า 50,000 ตัว ฉีดวัคซีนพิษสุนัขบ้ากว่า 200,000 ตัว ทั้งสุนัขและแมวได้รับอุปการะกว่า 150 ตัว

บริการสาธารณสุขเชิงรุก ตรวจสุขภาพล้านคนไปแล้ว 780,000 คน บริการ Motorlance ลดเวลาเข้าถึงผู้ป่วยฉุกเฉินน้อยกว่า 10 นาที ตรวจสุขภาพเชิงรุกถึงชุมชน 360,000 คน ทำบัตรคนพิการเชิงรุกถึงบ้าน 23,300 คน ให้บริการ Health Tech บริการหมอทางไกล 92,000 คน

เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ ติดตั้งตู้กดน้ำดื่มฟรีของ กทม. 200 แห่ง ของเอกชน 2,400 แห่ง ติดตั้งเครื่อง AED ในพื้นที่สาธารณะและชุมชน 330 แห่ง

เศรษฐกิจดี

จัดระเบียบหาบเร่แผงลอยนอกจุดผ่อนผัน กว่า 400 จุด ผู้ค้ากว่า 5,00 ราย พัฒนาระบบยืนยันตัวตนผู้ค้าในจุดผ่อนผัน จัดหา Hawker Center รองรับผู้ค้าที่ได้รับผลกระทบ

เปิดจองแผงค้าออนไลน์ในตลาด กทม. กว่า 500 แผงค้า จัดถนนคนเดินกระตุ้นเศรษฐกิจสร้างรายได้กว่า 19 ล้านบาท

ส่งเสริมการท่องเที่ยวผ่านการพัฒนาเว็บไซต์ bangkok รวบรวมกิจกรรมท่องเที่ยวในกรุงเทพฯ พัฒนาย่านสร้างสรรค์ 55 ย่าน เช่น ย่านตลาดพลู ย่านทรงวาด ย่านตลาดน้อย ย่านบางลำพู ฯลฯ

ส่งเสริมอาชีพในโรงเรียนฝึกอาชีพ กทม. ทั้ง Upskill และ Reskill ได้มากกว่า 100,000 คน เพิ่มหลักสูตรฝึกอาชีพ ตอบโจทย์ตลาดงาน เช่น ขับรถสามล้อไฟฟ้า แม่บ้านโรงแรม ตัดขนสุนัข ฯลฯ เปิด Farmer Market จำหน่ายผักผลไม้ออร์แกนิกมาตรฐาน Bangkok G ในพื้นที่ 50 เขต 4 สวนสาธารณะ

 

เรียนดี

ปรับหลักสูตรเด็กอายุ 3 – 8 ปี พัฒนาทักษะสมอง กำกับตัวเอง (EF) ผลประเมินดีขึ้น 23% ขยายผล 179 โรงเรียน และ 179 ศูนย์เด็กเล็ก

ปรับหลักสูตรประถมศึกษา มัธยมศึกษา เน้นพัฒนาทักษะและสมรรถนะภายใต้พื้นที่นวัตกรรมการศึกษา (Education Sandbox) ใน 66 โรงเรียนสังกัด กทม.

สอนทักษะอาชีพและห้องเรียนวันเสาร์ รวมถึงร่วมกับครูออกแบบหลักสูตรเยี่ยมชั้นเรียนเพื่อพัฒนาการจัดการเรียนการสอนที่เหมาะกับเด็กแต่ละห้อง

นำเทคโนโลยีมาช่วยครู ด้วยการเปลี่ยนเป็นห้องเรียนดิจิทัล จัดการเรียนรู้สำหรับเด็กรายบุคคลด้วยคอมพิวเตอร์ 46,358 เครื่อง และเข้าถึงอินเทอร์เน็ตได้ทุกห้องเรียน พร้อมกับพัฒนาทักษะดิจิทัลของครู 14,000 คน มีโค้ช 120 คน จัดการเรียนรู้ด้วย Digital Classroom นอกจากนี้ นำ AI มาเป็นเครื่องมือช่วยครูฝึกทักษะเด็กให้สื่อสารภาษาอังกฤษอย่างมั่นใจ ผลลัพธ์ดีขึ้นถึง 37%

นับสนุนเด็กทุกคนให้เข้าถึงการเรียนรู้ ในปี 2568 รับเด็กอนุบาลตั้งแต่ 3 ขวบขึ้นไป กทม. สามารถดูแลได้มากขึ้น 9,457 คน ตั้งเป้า 17,000 คนต่อปี และมอบทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียน 2,455 คน ติดตามเด็กนอกระบบกลับสู่ห้องเรียนได้ 17,611 คน

เพิ่มงบประมาณซ่อมแซมและปรับปรุงโรงเรียนสังกัด กทม. 437 แห่ง รวมถึงศูนย์เด็กเล็ก 131 แห่ง

สังคมดี

ดูแลกลุ่มเปราะบาง พัฒนา BKK Food Bank ส่งต่อมื้ออาหาร 4,000,000 มื้อ ตั้งจุด Drop – in ช่วยเหลือคนไร้บ้าน บริการทำบัตรประจำตัวประชาชน ตัดผม อาบน้ำ แจกอาหาร มีผู้ใช้บริการกว่า 225,640 ครั้ง ในปี 2568 เตรียมเปิดบ้านอิ่มใจดูแลคนไร้บ้านแบบครบวงจร นอกจากนี้ กทม. จ้างงานคนพิการเพิ่มขึ้นเกือบ 4 เท่า มากกว่า 415 คน

ยกระดับบริการกีฬา – นันทนาการ จัดสรรงบประมาณเน้นการปรับปรุงทางกายภาพแทนการจัดกิจกรรม ขยายเวลาเปิด – ปิด สวนสาธารณะ ศูนย์กีฬา ศูนย์นันทนาการ และห้องสมุด ปรับปรุงทางกายภาพบ้านหนังสือ 82 แห่ง ลานกีฬา 204 แห่ง โดยสถิติมีการใช้ลานกีฬามากกว่า 11 ล้านครั้งต่อปี

ส่งเสริมกิจกรรมในพื้นที่สาธารณะ โดยส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ ได้แก่ กรุงเทพกลางแปลง, Bangkok Design Week, Colorful Bangkok รวมถึง Bangkok Street Performer ที่มีศิลปินเข้าร่วม 555 กลุ่ม ทำการแสดง 8,177 รอบ อีกทั้งมีการขออนุญาตถ่ายทำภาพยนตร์ผ่านศูนย์ประสานงาน จำนวน 159 กองถ่าย ใน 288 พื้นที่

 

บริหารจัดการดี

ประหยัดงบประมาณจัดซื้อจัดจ้าง โดยปี 2568 ประหยัดงบประมาณเทียบกับปี 2567 กว่า 30,275 ล้านบาท

เพิ่มขีดความสามารถองค์กร โดย กทม. จัดตั้งสำนักดิจิทัลกรุงเทพมหานครเพื่อนำเทคโนโลยีเข้ามาแก้ไขปัญหาเมือง

อบรมการใช้ AI ให้ข้าราชการและบุคลากร กทม. เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

ตั้งเป้าหมาย ติดตามการทำงานอย่างชัดเจน สรุปผลการดำเนินการและติดตามอย่างเข้มงวด

กำหนด 32 เป้าหมาย ในการดำเนินการของสำนักงานเขต พร้อมติดตามผ่านระบบ openbangkok.go.th

ยกระดับการบริการประชาชน เพิ่มจุดบริการด่วนมหานคร ในห้างสรรพสินค้าและตลาด 12 แห่ง รวมเป็น 20 แห่ง

แต่งตั้งทูตสื่อสารเมืองกรุงเทพมหานคร โดยนำคนรุ่นใหม่มาสื่อสารการทำงานของ กทม. ไปสู่สาธารณชน

(ข้อมูล ณ เดือนเมษายน 2568)

 

โครงการสำคัญในอนาคต

การก้าวสู่ปีที่ 4 ขับเคลื่อนกรุงเทพฯ สู่เมืองแห่งโอกาสและความหวัง กทม. เดินหน้าขับเคลื่อนเมืองด้วยเทคโนโลยีที่เน้นการประสานความร่วมมือกับทุกภาคส่วน โดยมีโครงการสำคัญในอนาคต ได้แก่ สนับสนุนรถเมล์เพื่อลดค่าครองชีพและส่งเสริมการเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ, Bangkok Public Square พื้นที่สร้างสรรค์เพื่อประชาชน (สนามกีฬา คอนเสิร์ต ศิลปะ กิจกรรม), แก้ไข พ.ร.บ. กรุงเทพฯ เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานของ กทม. ทั้งด้านของงาน เงิน และคน, Business Lab ให้ผู้ประกอบการรายย่อยมีพื้นที่ขายของทั้งแบบ Online และ Onsite, เจรจาคืนรถไฟฟ้าสายสีเขียวให้รัฐบาล ให้เป็น Single Owner, หอศิลป์ฝั่งธน (อาคารสาธารณะคลองสาน), แก้ปัญหาจราจรด้วยระบบสัญญาณไฟอัตโนมัติ และศูนย์ควบคุมข้อมูลกลาง, เดินหน้าขยายบริการสาธารณสุข เช่น ก่อสร้างโรงพยาบาลภาษีเจริญ โรงพยาบาลสายไหม โรงพยาบาลทุ่งครุ, Personalized Education เน้นการนำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาการศึกษา, แยกขยะทั้งระบบจากครัวเรือน รวมถึงขั้นตอนเก็บขน และขั้นตอนกำจัด, สวนสาธารณะใหม่และศูนย์กีฬาใกล้เมือง เช่น สวนบึงฝรั่ง ศูนย์นันทนาการร่มเกล้า และขยาย Low Emission Zone ให้ครอบคลุมทั่วกรุงเทพฯ รวมถึงห้องแล็บตรวจต้นตอฝุ่น เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ผลสำรวจยังได้สะท้อนข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหาทุจริต โดยประชาชนส่วนใหญ่ 44.03% มองว่า สาเหตุหลักของปัญหามาจากวัฒนธรรมองค์กรที่อาจมองพฤติกรรมดังกล่าวเป็นเรื่องปกติ รองลงมา 29.57% เห็นว่าบทลงโทษยังไม่เข้มงวดเพียงพอ และ 24.67% ระบุว่ายังขาดความโปร่งใสในการเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะ

 

การดำเนินงานของ กทม. ภายใต้การบริหารจัดการของผู้ว่าฯ กทม. ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อเสียงของประชาชน เพราะเชื่อว่าทุกความคิดเห็นคือพลังขับเคลื่อนเมือง เพื่อให้กรุงเทพฯ เป็นเมืองที่ตอบโจทย์คนทุกกลุ่มอย่างแท้จริงและอย่างยั่งยืนต่อไป         

 

-||-

 

คลิกอ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่ eBook กทม.สาร

👇

https://links.bookkurry.com/bkk_news_issue_297

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด