TOP

‘ข้าวสารเสก’ เชิดชูวัตถุดิบมรดกของไทย นำมาตีความอาหารไทยในสไตล์ของ…เชฟแพม-พิชญา

ทรงวาด…ย่านประวัติศาสตร์ที่เปี่ยมเสน่ห์น่าหลงใหลตั้งแต่ยุคต้นกรุงรัตนโกสินทร์ กลายเป็นย่านสตรีตสุดฮิปที่มีชีวิตชีวา แลนด์มาร์กศิลปะ และจุดหมายแฮงเอาต์ของคนมีสไตล์ เรียกได้ว่าชั่วโมงนี้ใครยังไม่ได้ไปถนนทรงวาดอาจเอาต์ได้ ครั้งนี้อะราวด์ชวนไปปักหมุดจุดหมายอร่อยที่เต็มไปด้วยเรื่องราวแห่งใหม่ ณ “ร้านข้าวสารเสก” โดย เชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม ภายใต้อาคารโบราณเก่าแก่อายุกว่า 60 ปี บนเวิ้งที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของถนนทรงวาดเชื่อมต่อตลาดน้อย ใครที่ผ่านไปมาจะต้องสะดุดตากับงานเพนต์บนผนังอาคารผลงานล่าสุดของตะขาบ ที่ร่วมคอลแลปส์กับข้าวสารเสก ให้กลายเป็นจุดหมายไวรัลที่สายฮิปต้องรีบไปเช็กอินถ่ายภาพ เป็นอีกสัญลักษณ์ที่ตะโกนว่า..มาถึงแล้ว! ทรงวาด และร้านข้าวสารเสก  

 

อาคารแบบเรือนแถวโบราณฉาบอิฐถือปูน ที่ภายในออกแบบด้วยคอนเซปต์เล่นระดับชั้นครึ่ง โดยชั้นบนจะเป็นพื้นที่ครึ่งหนึ่งของชั้นล่าง สามารถมองเห็นพื้นที่ชั้นล่างได้จากมุมสูง สร้างมิติดึงดูดสายตาได้อย่างน่าสนใจ มอบความโปร่งโล่ง ด้วยลูกเล่น 5 สเต็ปท์ชั้น รองรับได้เพียง 30 ที่นั่ง ในบรรยากาศผสมผสานความคลาสสิก โชว์ความดิบธรรมชาติของอิฐแดง และงานไม้ 

อีกทั้งยังนำวัตถุดิบอันเป็นหัวใจสำคัญของเครื่องปรุงอาหารไทย อย่าง พริก กะลามะพร้าว หรือไหน้ำปลาเทพมงคลอายุ 100 ปี วางโดดเด่นเป็นส่วนหนึ่งของการตกแต่งร้าน รวมถึงกระด้งไม้ไผ่สานนำมาจัดวางกลมกลืนกรุ่นกลิ่นอายความเป็นไทยแท้ อีกทั้งยังได้สัมผัสดีเทลที่เชื่อมโยงความศรัทธาอย่าง ผ้าเจ็ดสีผูกไว้ที่ต้นเสาชั้นบนสุด อีกนัยยะของข้าวสารเสก ถือว่า “ข้าว” เป็นเครื่องประกอบพิธีอันมงคล และยังเป็นอาหารหลักของคนไทยมาตั้งแต่ครั้งโบราณกาล 

แต่ละชั้นมีการตกแต่งที่แตกต่างกัน โดยชั้นล่างสุดเป็นส่วนเตรียมอาหารในรูปแบบครัวกระจก ที่สามารถมองเห็นการทำงานของทีมเชฟ เมื่อเดินขึ้นบรรไดไม้ไปสำรวจชั้น 2 โซนไพรเวทที่มีเพียงโต๊ะเดียว ตกแต่งด้วยโคมไฟระย้า นั่งบนเบาะห้อยขาเอกเขนกนั่งสบาย ๆ กับหมอนอิง เหมาะสำหรับกลุ่มเพื่อนหรือครอบครัวไม่เกิน 6 ที่นั่ง ตกแต่งด้วยโคมไฟระย้า

สำหรับชั้น 3 และชั้น 5 จัดที่นั่งรับแสงธรรมชาติผ่านช่องหน้าต่าง ตกแต่งด้วยคำเขียนที่สื่อความหมาย 5 คำในฟอนท์โบราณ อันเป็นหัวใจของรสสัมผัส หอม จาก “น้ำปลา” สื่อถึงความลึกซึ้งของรสชาติ เชื่อมโยงเรากับทะเลและวัฒนธรรม, กรุ่น จาก “ข้าว” ตัวแทนของชีวิตและความอุดสมบูรณ์, ละมุน จาก “น้ำตาลโตนด” เป็นหัวใจของความสมดุลในรสไทย, ร้อน จาก “พริก” สะท้อนถึงความจัดจ้าน เร่าร้อน, นัว จาก “มะพร้าว” แทนความมันกลมกล่อมอย่างสมดุล

สำหรับการตกแต่งของชั้น 4 โดดเด่นด้วยผนังไม้สีแดงเจาะช่องจัดวางกะลามะพร้าวเรียงกัน เรียกได้ว่าทุกรายละเอียดของการออกแบบตั้งต้นจากการเชิดชูคุณค่าของวัตถุดิบพื้นถิ่นของไทย เมื่อความคลาสสิกมาบรรจบกับความทันสมัย เห็นได้จากปล่องลิฟต์กลางร้านสำหรับส่งตรงอาหารจากครัวสู่ชั้นต่าง ๆ อย่างน่าทึ่ง นับเป็นการใช้สอยพื้นที่ได้อย่างชาญฉลาด พร้อมมอบการบริการอย่างอบอุ่นเป็นกันเอง ให้ความรู้สึกเหมือนรับประทานอาหารที่บ้านกับครอบครัวและเพื่อนสนิท

ภายหลังจากเริ่มให้บริการตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ร้านข้าวสารเสกสไตล์ Casual Fine Dining ได้รับการตอบรับอย่างยอดเยี่ยมจากเหล่านักชิมที่แวะเวียนมาไม่ขาดสาย ใครอยากไปลิ้มลองต้องจองโต๊ะกันล่วงหน้าหน่อย จะได้ไม่ต้องคอยเก้อ นับเป็นความลงตัวของจุดหมายแห่งรสชาติที่ตีความอาหารไทยผ่านแนวคิดใหม่ของ เชฟแพม-พิชญา อุทารธรรม และ เชฟเกรซ-วรกานต์ กฤติสิริกุล เฮดเชฟที่ร่วมกันสร้างสรรค์ศิลปะบนจานอาหารอย่างไร้กรอบ สนุกกับการคิดค้นเมนูใหม่ ๆ ผ่านวัตถุดิบศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบเสมือนรากฐานของอาหารไทย ให้กลายมาเป็นเมนูประจำบ้านของร้าน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Sacred Ingredients of Thai” ให้ทุกคนได้เจริญอาหารกัน

ภายใต้บรรยากาศแสนผ่อนคลายในตึกเก่าที่ผ่านกาลเวลามากว่า 6 ทศวรรษ เต็มไปด้วยเรื่องราวเรื่องเล่าและการออกเดินทางสรรหาวัตถุดิบทั่วทุกภูมิภาคของไทย รวมถึงส่งเสริมภูมิปัญญาชาวบ้านในการปลูก และเก็บเกี่ยวผลผลิตคุณภาพสู่จานอาหารอย่างมีคุณค่า และที่เป็นหัวใจสำคัญกับ 5 วัตถุดิบอันศักดิ์สิทธิ์ของร้านในการเสกความอร่อย ได้แก่ น้ำปลา ข้าว น้ำตาลโตนด พริก และมะพร้าว ที่ช่วยคอมพลีตอาหารไทยให้ถึงแก่นแท้ของรสชาติ และสื่อถึงหัวใจของความเป็นไทยได้อย่างแท้จริง เสริมให้การรับประทานอาหารร่วมกันใน “วงข้าว” เป็นเรื่องสนุกทุกมื้อ และยังเป็นการสืบสานวัฒนธรรมไทยในการรับประทานอาหารร่วมกันอย่างมีชีวิตชีวา โดยทางร้านจัดเสิร์ฟทั้งแบบเฮาส์เมนู และอะลาคาร์ทเมนู ให้เลือกลิ้มลองตามความชอบใจ

ครั้งนี้อะราวด์ได้ร่วมเปิดประสบการณ์กับเมนู “วงข้าว” โฉมใหม่ โดยเสิร์ฟความพิเศษ ในเซตประกอบด้วย เมนูคำพอดี, คำเล็กคำใหญ่ และคำหวาน ซึ่งเป็นคำเรียกแบบไทยโบราณ สำหรับ เมนูคำพอดี ได้แก่ ซุปมะเขือเทศ บ้านเชฟแพม ที่เชฟได้สูตรต้นตำรับมาจากคุณแม่

ส่วน น้ำพริกแกงปู เสิร์ฟมาในกระดองปู ที่เคี่ยวน้ำพริกปรุงรสแบบแกงปูใบชะพลูให้มีความเหนียวข้นจนแห้งและใส่เนื้อปูก้อนรับประทานกับผักสดและผักลวกพื้นบ้าน

ปลาดุกย่างตาลเผา ยำยอดกระถิน ชูปลาดุกที่สดหวานเนื้อแน่น ๆ เคลือบน้ำตาลโตนดและซอสเมี่ยงคำ นำไปย่างให้หนังมีความกรอบเล็กน้อย คลุกเคล้าเข้ากับน้ำยำยอดกระถินผสานกับน้ำสาโทเพิ่มรสชาติน้ำยำให้กลมกล่อมยิ่งขึ้น 

มาเรียกน้ำย่อยกันต่อด้วยเครื่องดื่ม สาโทโฮมเมด หรือไวน์ข้าวเหนียว สุราพื้นบ้านที่ร้านหมักเอง บอกเลยว่าต้องห้ามพลาดสาโทระดับรางวัล ให้รสชาติหอมหวานจิบเพลินในสองสูตรที่เป็นซิกเนเจอร์สำหรับ สาโทหมักจากข้าวเหนียวดำลืมผัว จากจังหวัดตาก (สาโท 422 Khao Niew Dam Leum Phua) และ สาโทที่หมักจากข้าวเหนียวสันป่าตอง (สาโท 422 Sun Pa Tong Sticky Rice) การันตีด้วยรางวัล People’s Choice Award 2024 นอกจากนี้ ยังมีเครื่องดื่มอีกหลากหลายให้นั่งปล่อยจอยเมาท์มอยสบาย ๆ อย่าง ไวน์ เบียร์ สาเก คอลเทล และม็อกเทล อีกด้วย

ต่อกันด้วย เมนูคำเล็กคำใหญ่ ประกอบด้วย ข้าวยำปลาดุกฟู น้ำพริกสมบูรณ์รส อินสไปร์มาจากข้าวยำใบพาโหม เมนูพื้นบ้านของภูเก็ต ที่เพิ่มความสนุกด้วยการให้เราคลุกเคล้าขยำได้เอง ซอสจากน้ำเคยที่เป็นไขของกะปิให้ความหอม นัว เค็ม หวาน ครบรส น้ำเคยนี้จากสมุทรสงคราม, ซี่โครงหมูซอสสามเกลอน้ำตาลโตนด นำซี่โครงไปตุ๋นให้มีความนุ่ม ราดด้วยซอสสามเกลอ ตาลโตนด เพื่อให้ได้ซอสที่เข้มข้นถึงรส 

หมูแดดเดียวอีสานต้มกะทิ มอบความนุ่มของหมูแดดเดียวที่มีความเค็มเล็กน้อย โดยเฉพาะน้ำต้มกะทิที่ให้รสนัวอร่อยมาก, เนื้อริบกระดูกหมักกะทิ แกงเขียวไข่ครอบ แกงเขียวหวานที่มีความเข้มข้นของเครื่องแกงซึมซาบเข้าสู่ชิ้นเนื้อได้รสชาติที่กลมกล่อมละลายในปาก รับประทานกับไข่ครอบที่ให้ความมัน หนึบหนับ สูตรต้นตำรับจากภูเก็ต

 

ปลาจะละเม็ดย่างราดพริก ทำมาในพอร์ชั่นครึ่งตัวที่เสิร์ฟพร้อมก้างปลา นำไปอบให้ก้างปลากรอบ สามารถรับประทานก้างปลากรุ๊บกรอบ ได้ความเข้มข้นรสเผ็ดนิดหน่อยของน้ำพริกขี้กาและชุ่มฉ่ำด้วยโอลีฟออย ช่วยเพิ่มรสชาติให้กลมกล่อม

มัสมั่นซี่โครงแกะเม็ดกระบก มัสมั่นที่มีความพิเศษของน้ำมันจากแกะนำไปตุ๋นจนเปื่อยนุ่ม พร้อมกระทิแตกมันจากมะพร้าว

ดอกหอมสะดุ้งเคยกากหมูกรอบ ดอกหอมกรุ๊บกรอบสีเขียวสดจากการผัดที่ไฟแรงให้ผักสะดุ้งผสมผสานน้ำเคย น้ำปลาดู น้ำปลาร้า และออนทอปด้วยกากหมู

อีกเสน่ห์ของการรับประทานข้าวที่ร้านนั่นคือ การเสิร์ฟข้าวที่เปลี่ยนไปในแต่ละวัน โดยคัดสรรค์ข้าวในสายพันธ์ุที่มีรสชาติความอร่อย เหนียวหนึบ อย่าง ข้าวพญาลืมแกง จากจังหวัดเพชรบูรณ์, ข้าวสังข์หยด จากพัทลุง หรือข้าวกล่อง 7 สายพันธ์ุ  เพื่อเป็นการส่งเสริมสนับสนุนอาชีพรวมถึงผลผลิตของเกษตรกรไทย และยังได้ลุ้นกันว่าวันนี้เราจะได้รับประทานข้าวสายพันธ์ุไหน

ตบท้ายด้วย เมนูคำหวาน อาทิ ขนมปำถ้วยซอสตาลโตนด เป็นขนมโบราณพื้นเมืองของทางภาคใต้ที่ทำจากน้ำตาลของตาลโตนด เนื้อขนมมีความฉ่ำ นุ่ม กลิ่นหอมของน้ำตาลโตนด และให้รสชาติหวานนุ่มอร่อยละมุนลิ้น, กรานิต้าน้ำปลาหวาน ต้องการชูวัตถุดิบของน้ำปลาที่หมักเอง โดยนำน้ำปลาไปเคี่ยวกับน้ำตาล ใส่เนื้อมะม่วง ตะลิงปลิง เพิ่มรสเปรี้ยวตัดรสเค็มและความหวานให้พอดี  พาเมโล่นำไปแช่ให้เป็นเกล็ดน้ำแข็ง รับประทานแล้วให้ความสดชื่น และได้รสชาติของน้ำปลาหวานจริง ๆ ส่วนเมนู ขนมปัง หม้อแกง ไอศกรีมมะพร้าว ไข่เค็ม ขนมปังที่มาในรูปแบบใส่หม้อแกง เสิร์ฟพร้อมไอศกรีมกะทิออนทอปด้วยไข่แดงเค็ม, เมอแรง พริกเกลือ สัปปะรดย่าง ซอร์เบต์มะม่วงเปรี้ยว ให้ความหอมของใบมะกรูด และโรยด้วยพริกเกลือ รับประทานเข้ากับไอศกรีมซอร์เบย์มะม่วงมอบความสดชื่น, ข้าวเหนียวดำ มะพร้าวกะทิบรูเล เป็นเมนูของหวานที่ชาววีแกนสามารถรับประทานได้ด้วย

📍 ปักหมุด: ข้าวสารเสก ถนนทรงวาด เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพฯ

เปิดให้บริการ: ทุกวันพฤหัสบดี-จันทร์ เวลา: 16.30 – 23.00 น.

☎️ โทร. 097 016 9824

🌐 เว็บไซต์: https://www.khaosansek.com

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด