TOP

ถอด 5 บทเรียนสถานการณ์ช็อกวงการแฟชั่นโลกในรอบ 5 เดือน ฉุกคิดก่อนสอยคอลเลคชันสุดโปรด

เกิดเป็นประเด็นร้อนจนกลายเป็นกระแสดราม่าไปทั่วโลก ภายใน 5 เดือนถึง 5 สถานการณ์ช็อกวงการแฟชั่นและเอ็นเตอร์เทนเมนท์ เมื่อประมวลเรื่องราวอาจกล่าวได้ว่าเกิดมาจาก “ความไม่รู้” หรือ “รู้เท่าไม่ถึงการณ์” ทั้งสิ้น นับเป็นความสุ่มเสี่ยงที่คนรุ่นใหม่ขาดความเข้าใจอย่างแท้จริงถึงเรื่องประวัติศาสตร์โลก ที่สัมพันธ์กับแนวความคิดและการใช้ชีวิตรอบด้าน ไม่ว่าจะเป็นศาสนา ความเชื่อ สังคม และวัฒนธรรม ก่อนที่จะสื่อความคิดสร้างสรรค์ไปสู่วงกว้าง โดยเฉพาะผู้ที่เป็นนักสร้างแรงบันดาลใจ มีผลทรงอิทธิพลต่อจินตนาการของผู้คน และสิ่งเหนือความคาดหมายอาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ความไม่ตั้งใจอาจกลายเป็นประเด็นของความขัดแย้งระดับโลกโดยไม่รู้ตัว การเรียนรู้ถอดบทเรียนในอดีตจึงเป็นเรื่องสำคัญต่อปัจจุบัน และต้องพึงระวังให้มากต่อการสื่อสารที่ผิดทิศทาง เพราะมันจะไม่ใช่แค่เรื่องของคนคนเดียว แต่อาจกลายเป็นประเด็นร้อนที่จุดชนวนปัญหาระดับชาติก็เป็นได้ เมื่อโซเชี่ยลมีเดียเป็นเรื่องง่ายต่อการเข้าถึง จึงกลายเป็นเรื่องใกล้ตัวขึ้นมาทันที แม้แฟชั่นจะเกิดจากแนวคิดสร้างสรรค์ผสมผสานทั้งจากแรงบันดาลใจที่ได้จากประสบการณ์ชีวิตรอบตัว เราผู้เสพอาจต้องตระหนักให้มากขึ้นอีกนิด คิดให้รอบด้านขึ้นอีกหน่อย ก่อนสอยคอลเลคชันตัวโปรดมาครอบครองนะจ้า

 

มาย้อนดู 5 สถานการณ์ร้อนที่เกิดกับวงการแฟชั่น ซึ่งถูกวิพากวิจารณ์ตัดสินจากสังคม

 

‘Gucci’ พลาดท่าถูกโจมตี! คอเลคชั่นล้อเลียนใบหน้า Blackface ปิดการขาย Balaclava Knit Top Black 

แบรนด์แฟชั่นระดับโลกอย่าง Gucci พลาดท่า หลังเปิดตัวคอลเลคชั่นเสื้อกันหนาวจัมเปอร์ไหมพรมในชื่อ Balaclava Knit Top Black โดยให้นางแบบสาวผิวขาวสวมใส่เสื้อไหมพรมสีดำปกปิดร่างกายมิดชิดทั้งแขน คอ จนถึงครึ่งใบหน้า เว้นพื้นที่เพียงตาและปาก ไฮไลท์บริเวณปากถักทอรูปทรงขอบปากสีแดงเว้นพื้นที่ตรงกลางเผยให้เห็นเรียวปากผู้สวมใส่ กลายเป็นประเด็นล้อเลียนคนผิวดำในยุคละคร Blackface การเปิดตัวคอลเลคชั่นนี้จึงกลายเป็นกระแสถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักบนโลกโซเชี่ยลภายในไม่กี่ชั่วโมง จน Gucci ต้องออกมาแถลงการณ์ขอโทษและปิดการขาย Balaclava Knit Top Black ทันที

 

Photo Credit: Gucci

 

‘Burberry’ ออกแบบคอลเลคชันเสื้อฮู้ด ใช้เงื่อนปมเชือกที่คล้ายกับเชือกแขวนคอฆ่าตัวตาย

เป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนเกาะขอบรันเวย์ London Fashion Week เมื่อคอลเลคชันเสื้อฮู้ดของ Burberry ออกแบบใช้เงื่อนปมเชือกที่คล้ายกับเชือกแขวนคอฆ่าตัวตาย ทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังข้ามโลก แม้ดีไซเนอร์จะออกมาแถลงว่าได้แรงบันดาลใจจากเงื่อนที่ใช้ของชาวเรือก็เถอะ แต่ดูเหมือนผลงานคอลเลคชันนี้ก็ถูกตัดสินไปเรียบร้อยแล้ว

Photo Credit: Burberry

 

‘KatyPerry’ ออกแบบคอลเลคชันรองเท้า ราวกับตอกย้ำบาดแผลเหยียดสีผิว ‘Blackface’

ผู้ใช้ทวิตเตอร์จุดประเด็นขึ้นว่า นี่มันคือ Blackface นี่นา เมื่อคอลเลคชั่นรองเท้าล่าสุดของ ‘KatyPerry’ (เคที่ เพอรี่) เปิดตัวด้วยรูปโฉมรองเท้าสวมใส่สบายปิดหน้าเท้าเปลือยส้น หนึ่งในสองสีถูกออกแบบด้วยหนังสีดำตกแต่งตา จมูก และปากสีแดง ได้ถูกตีความไปในทิศทางเชิงลบถึงละคร Blackface ในอดีต ก่อนที่จะเกิดกระแสความนิยมไปสู่แถบประเทศอเมริกาช่วงปี 1920s – 1930s แต่กลับถูกชาวอเมริกันไอริชชนชั้นล่างที่อยากยกระดับตัวตนขึ้นเทียบเท่าคนอเมริกันชั้นสูง ใช้ละครนี้เป็นเครื่องมือล้อเลียนคนผิวดำ การทาใบหน้าสีขาวดำมักถูกนำมาเปรียบใช้กับตัวละครที่ดูตลกขบขัน และหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะถูกตีความถึงประเด็นสีผิว ภายหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จึงเกิดพลังการรวมตัวต่อต้านจากกลุ่มคนผิวดำ ที่ไม่ยอมให้คนผิวขาวมาล้อเลียนพวกเขาอีกต่อไป แม้ KatyPerry จะออกมาอธิบายว่าคอลเลคชั่นนี้เกิดจากความคิดสร้างสรรค์สื่อถึงงานศิลปะก็ตาม ก็ไม่อาจทานกระแสของคนคิดต่างจากทั่วโลก จนต้องเก็บพับคอลเลคชั่นนี้กลับไป

Photo Credit: Katy Perry

 

“น้ำใส” BNK48 ใส่เสื้อนาซี ก่อนวันรำลึกฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว

เมื่อภาพของนักร้องสาวไอดอล “น้ำใส” พิชญาภา นาถา หนึ่งในสมาชิกวง BNK48 สวมใส่เสื้อพิมพ์ลายตราสัญลักษณ์ “สวัสติกะ” ทรงกากบาทปลายหัก ซึ่งเป็นสัญลักษณ์เผด็จการของความเหี้ยมโหด และระบบฟาสซิสต์ของฮิตเลอร์ ผู้นำพรรคนาซีเยอรมนี ไปซ้อมเต้นก่อนการแสดงคอนเสิร์ตและก่อนหน้าวันรำลึกเหตุการณ์ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวเพียง 2 วัน ชาวโลกที่ต่างร่วมไว้อาลัยให้กับชาวยิวจากสถานการณ์ที่ถูกสังหารหลายล้านคนในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ต่างออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างแรงถึงความไม่เหมาะสม “หนูไม่รู้” คือตำตอบที่ยิ่งสะท้อนข้อเท็จจริงบางอย่างต่อระบบการศึกษาในสังคมไทย จากเรื่องนี้เหล่านักวิชาการและชาวต่างชาติต่างออกมาแสดงความคิดเห็นกันอย่างหลากหลาย เมื่อสำนักข่าวเอพี สื่อใหญ่ในสหรัฐอเมริการายงาน ที่ผ่านมาคนไทยไม่ใช่เพียงชาติเดียวในเอเชียหรอกนะ ที่นำสัญลักษณ์ “สวัสติกะนาซี” หรือรูปของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ อดีตผู้นำจอมเผด็จการของเยอรมนีมาใช้ในเชิงพาณิชย์และการแต่งตัว และก็ไม่ใช่ครั้งแรกอีกเช่นกันที่ถูกนำเสนอข่าวเกี่ยวกับประเด็นนี้ อาจเป็นได้ว่าคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ไม่ได้สนใจในประวัติศาสตร์นัก หากลองไปเดินเล่นในตลาดนัดใหญ่ๆ บางแห่งอย่างจตุจักรหรือถนนข้าวสาร จะเห็นร้านจำหน่ายสินค้าที่มีตราสัญลักษณ์สวัสติกะ หรือธีมนาซีอยู่หลากหลายในสไตล์ของแฟชั่น ไม่ว่าจะเป็นเข็มกลัด แสตมป์ ธง เสื้อยืด หมวก บางครั้งมันคือเส้นบางๆ ตรงกลางของความสุ่มเสี่ยงบนคำว่า “แฟชั่น”

ฟ้าผ่า Dolce & Gabbana  ถูกแบนออกจากจีน ด้วยโฆษณาสาวชาวจีนใช้ตะเกียบคีบพิซซ่า ประเด็นดราม่าเหยียดเชื้อชาติที่สุดร้อนแรง

Dolce & Gabbana เผยแพร่วิดิโอแคมเปญโฆษณาเพื่อประชาสัมพันธ์แฟชั่นโชว์ที่เซี่ยงไฮ้ ถ่ายทอดภาพสาวชาวจีนใช้ตะเกียบคีบพิซซ่าและอาหารอิตาเลียนกินแบบเก้ๆ กังๆ จะด้วยความที่ไม่เข้าใจเรื่องวัฒนธรรมของคนจีนหรือมีนัยยะแฝงก็เถอะ กลับกลายเป็นประเด็นดราม่าเหยียดเชื้อชาติที่สุดร้อนแรง ชาวจีนมองว่าเป็นการล้อเลียนวัฒนธรรมการกิน จนกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต ถึงขั้นชาวจีนออกมาประท้วงอย่างจริงจัง เรียกร้องให้บอยคอตการสนับสนุนสินค้าของแบรนด์ดัง ทำให้ Dolce & Gabbana ต้องยกเลิกงานแสดงแฟชั่นโชว์ที่เซี่ยงไฮ้ไปก่อนไม่กี่ชั่วโมงก่อนงานแฟชั่นโชว์ ถือเป็นฝันร้ายที่แบรนด์ไหนๆ ก็ไม่อยากเจอแบบนี้

Photo Credit: Dolce & Gabbana

 

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด