TOP

เที่ยวประเทศจีน ตะลุยนครฉางชา สวรรค์บนดินที่เอื้อมมือถึง

แม้ว่าจะเคยได้ยินถึงกิตติศัพท์ความยิ่งใหญ่ของประเทศมหาอำนาจแห่งเอเชีย อย่างประเทศจีนมาเป็นเวลานานแล้ว แต่เราก็ยังไม่เคยมีโอกาสได้ไปสัมผัสความยิ่งใหญ่ที่ว่านี้ด้วยตัวเองเลยสักครั้ง จนกระทั่งได้รับเชิญจาก THAI Smile เราจึงตอบตกลงร่วมเดินทางไปแบบไม่ลังเล แม้ว่าลึกๆ ในใจจะแอบหวั่นกับเรื่องห้องน้ำอยู่บ้างก็ตาม

การเดินทางเริ่มต้นอย่างราบรื่นและสะดวกสบายด้วยสายการบินไทยสมายล์เดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิ เที่ยวบินที่ WE616 ใช้เวลาเดินทางราว 3 ชั่วโมง ก็มาถึงยังสู่สนามบินฮวงหัว เมืองฉางซา แต่การเดินทางในวันนี้ยังไม่สิ้นสุด เพราะจากสนามบิน เรายังคงต้องนั่งรถต่อไปอีก 2 ชั่วโมง เพื่อไปยังเมืองฉางเต๋อ และเช็กอินเข้าพักที่ Zeyun Hotel โรงแรมหรูระดับ 5 ดาว ให้เราได้นอนหลับฝันดีในคืนแรกที่ประเทศจีน เช้าวันต่อมาหลังจากที่ได้พักผ่อนชาตแบตร่างกายจนเต็ม เราจึงตื่นมาด้วยความสดใสกับพลังงานที่เกินร้อย พร้อมที่จะเดินทางต่อไปยัง ‘เมืองจางเจียเจี้ย’ อุทยานมรดกโลกที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือของมณฑลหูหนาน เป็นอุทยานแห่งชาติแห่งแรกของจีน มีเนื้อที่กว่า 369 ตารางกิโลเมตร อุดมด้วยขุนเขาน้อยใหญ่และต้นไม้นานาพันธุ์ โดยเราใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ก็ไปถึงยังเมืองมรดกโลกแห่งนี้

แม้ว่าการเดินทางที่ออกจะดูลำบากอยู่สักหน่อย แต่สำหรับเราคิดว่านี่เป็นการเดินทางที่เข้าท่าที่สุด เพราะถ้าไม่อย่างนั้นแล้วจากเมืองฉางซา จะต้องนั่งรถไปอีกกว่า 300 กิโลเมตร ใช้เวลารวม 5 ชั่วโมงเลยทีเดียว ที่เมืองมรดกโลกนี้เราเริ่มต้นกันที่ ภูเขาเทียนเหมินซาน โดยการนั่งกระเช้าขึ้นสู่ด้านบนยอดเขา ผ่านกลุ่มม่านหมอก ซึ่งมีความยาวถึง 7.5 กิโลเมตร ใช้เวลา 40 นาที

ที่นี่นอกจากเราจะได้สัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติแล้ว ยังมีระเบียงกระจกริมหน้าผา ที่วัดจากขอบผาได้ 3 ฟุต หนา 2.5 นิ้ว สร้างความหวาดเสียวเล็กๆ เพราะมีความยาวแค่เพียง 60 เมตรเท่านั้น เดินลัดเลาะตามทางไปเรื่อยๆ ก็จะมาถึง ถ้ำเทียนเหมินต้ง หรือที่รู้จักกันดีว่า ถ้ำประตูสวรรค์ ภูเขาที่เกิดจากการระเบิดขึ้นเองโดยธรรมชาติจนกลายเป็นถ้ำ สำหรับขนาดของประตูนี้มีความสูง 131.5 เมตร กว้าง 57 เมตร และลึก 60 เมตร มีความสวยงามจนถูกยกให้เป็น 1 ใน 4 ของภูเขาที่สวยที่สุด


  1. หลังจากซึมซับความยิ่งใหญ่แล้วขากลับเราจึงเปลี่ยนบรรยากาศจากนั่งกระเช้า เป็นการเดินทางลงเขาโดยรถบัสของอุทยาน ผ่านเส้นทางอันคดเคี้ยว ที่ได้รับการขนานนามว่า ถนนลำไส้ แม้จะมีอาการเมารถอยู่บ้าง แต่ความเขียวขจีและความสวยงามของธรรมชาติสองข้างทางก็ช่วยบรรเทาอาการได้มากทีเดียว จากนั้นช่วงค่ำเราจึงเดินทางไปชมการแสดงแสง สี เสียง เรื่องราวความรักของนางพญาจิ้งจอกขาวกับชายหนุ่มผู้เป็นที่รักที่ถูกกีดกัน ทำการแสดงโดยนักแสดงกว่า 600 ชีวิต ซึ่งนำเสนอได้ครบทุกอารมณ์ความรู้สึก ส่วนในเช้าวันต่อมาหลังจากเต็มอิ่มกับอาหารเช้าแล้ว เราจึงมุ่งตรงไปท้าทายความหวาดเสียวกันที่ สะพานแก้วที่ยาวที่สุดในโลก มีความสูงเหนือพื้น 980 ฟุต และยาวกว่า 400 เมตร เชื่อมระหว่าง 2 หน้าผา โค่นแชมป์เก่าอย่าง The Grand Canyon Sky Walk ของอเมริกาซึ่งสูง 718 ฟุตไปแบบไม่ยากเย็นนัก  จากนั้น THAI Smile ได้พาเราไปชม จิตรกรรมภาพวาดทราย หรือ จวินเซิงฮวาเยี้ยน สถานที่จัดแสดงภาพวาดของ หลี่จวินเซิง ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มศิลปะแบบใหม่ซึ่งนำเอาวัสดุธรรมชาติ เช่น กวรดสี เม็ดทราย กิ่งไม้ หิน ฯลฯ มาสร้างสรรค์จัดแต่งเป็นภาพทิวทัศน์ ก่อนที่ในช่วงบ่ายเราได้เข้าเที่ยวชม อุทยานจางเจียเจี้ย ซึ่งเป็นหนึ่งในโปรแกรมที่เรารอคอย เพราะเห็นความยิ่งใหญ่จากภาพยนตร์ Avatar แล้วก็อยากที่จะมาสัมผัสได้ตัวเองดูสักครั้ง ในการเข้าเที่ยวชมที่นี่จะต้องขึ้นเขาด้วยลิฟต์แก้วไป่หลง ซึ่งเป็นลิฟต์แก้วแห่งแรกของเอเชียที่ได้รับการบันทึกลง Guinness World Records ว่าเป็นลิฟต์แล้วแบบเอ้าต์ดอร์ที่สูงที่สุดในโลกกับความสูง 326 เมตร อีกทั้งยังเร็วที่สุดในโลกด้วย เพราะใช้เวลาเพียง 2 นาทีเท่านั้นในการขึ้นสู่ยอดเขา

แน่นอนว่าในทุกการเดินทางของสายช้อปอย่างเรา สิ่งที่จะขาดไม่ได้เลยคือการซื้อของติดไม้ติดมือ เราจึงปิดท้ายการการเดินทางครั้งนี้ที่ ถนนคนเดินหวงซิงลู่ แหล่งช้อปปิ้งของคนเมือง มีบรรยากาศคล้ายคลึงกับสยามมแควร์บ้านเรา แต่มีพื้นที่กว้างขวางกว่า และมีสินค้าหลากชนิด หลายแบรนด์ให้ได้เรียกช้อป เรียกว่าการเดินทางครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะถูกใจทั้งสายลุยและสายช้อปเท่านั้น แต่ยังเปลี่ยนภาพของประเทศจีนที่เราเคยมีไปอย่างสิ้นเชิง

ขอบคุณภาพ : ชาญวิทย์ จารุสุธรรม

ขอขอบคุณสายการบิน THAI Smile และสำรองที่นั่งได้ที่ www.thaismileair.com หรือ Call Center โทร. 1181, 0 2118 8888

ชลธิช วรรณอุบล I บรรณาธิการดิจิทัล