
“มิ้นท์ รัญชน์รวี” บนเส้นทางของการเติบโตอย่างมีจังหวะ เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด
“เวลา” เป็นสิ่งน่ามหัศจรรย์ แม้จะเดินด้วยจังหวะเท่าเดิมเสมอ แต่สำหรับบางคนกลับรู้สึกว่ามันช้าเกินไป จนอยากเร่งให้พ้นผ่าน ในขณะที่อีกหลายคนรู้สึกว่ามันเร็วเกินไปจนอยากหยุดมันไว้ตรงนั้น อาจเพราะเราต่างใช้มาตรวัดเวลาไม่เหมือนกัน บางคนวัดด้วยความสำเร็จ บางคนวัดด้วยความสุข หรือแม้แต่ความผิดพลาดที่ยังติดค้างในใจ แต่นิตยสาร AROUND เชื่อว่า เวลาไม่จำเป็นต้องเดินเร็วเสมอไป บางจังหวะของชีวิตก็เติบโตได้อย่างงดงาม
แม้จะไม่ได้เร่งรีบหรือแข่งขันกับใคร และ “มิ้นท์ รัญชน์รวี เอื้อกูลวราวัตร” คือหนึ่งในนั้น เราจึงเลือกเธอมาขึ้นปกในฉบับครบรอบ 15 ปี ไม่ใช่เพราะจังหวะที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเธอ แต่เพราะเธอคือตัวแทนของการเติบโตอย่างมีจังหวะของตัวเอง ที่ค่อย ๆ เดินอย่างค่อยเป็นค่อยไป จนมายืนอยู่จุดนี้ได้ด้วยความมั่นคง เราเริ่มต้นการพูดคุยวันนี้ถึงชีวิตนอกจอ ซึ่งมิ้นท์นิยามตัวเองว่าเป็นคนติดบ้าน เธอจะใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับคุณแม่และบรรดาสัตว์เลี้ยงแสนรักอย่างบ๊อบบี้ จูดี้ และอูยู เธอยิ้มก่อนจะเสริมต่อว่า “ตั้งแต่เข้าวงการมาคุณแม่ก็ย้ายจากโคราชมาอยู่ด้วยและช่วยดูแลทุกอย่าง” ดังนั้นความผูกพันที่แน่นแฟ้นระหว่างแม่ลูกคู่นี้จึงเป็นทีมเวิร์กที่คอยซัปพอร์ตกันในทุกแง่มุมของชีวิต ทั้งในวันที่เหนื่อย ท้อ หรือไม่มั่นใจ เพราะโดยพื้นฐานแล้ว มิ้นท์บอกว่าเธอเป็นคนคิดมาก ขี้กลัว และไม่มั่นใจในตัวเอง จนเมื่อเธอได้อ่าน The Secret หนังสือที่พูดถึงกฎแห่งแรงดึงดูด ก็เปลี่ยนมุมมองของเธอไปอย่างสิ้นเชิง
“ในหนังสือบอกว่าความคิดของเราหรือว่าความรู้สึกของเราจะดึงดูดสิ่งต่าง ๆ เข้ามาในชีวิต ทั้งดีและไม่ดี เลยทำให้มิ้นท์เริ่มระวังความคิดตัวเองมากขึ้น หันมาโฟกัสความต้องการของตัวเอง แทนที่จะกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิด มีความเชื่อมั่น พยายามคิดบวก เพื่อทำให้พลังงานในตัวเอง และรอบข้างดีตลอดเวลา” โดยเธอเล่าว่าเคยเป็นคนคิดมาก ขี้กลัว และไม่มั่นใจในตัวเอง แต่หลังจากเริ่มฝึกคิดบวก ฝึกโฟกัสกับพลังงานดี ๆ เธอก็เริ่มเข้าใจว่าการใช้ชีวิตด้วยความกลัวนั้นเป็นสิ่งที่เปล่าประโยชน์ “ไม่ใช่ว่าเราจะทำได้ทุกวันหรอกค่ะ บางวันก็ยังหลุดอยู่ แต่แค่รู้ทันตัวเองไวขึ้น แค่นั้นก็ต่างแล้ว” นอกจากนี้ธรรมะก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ช่วยได้ ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งความประหลาดใจของเรา สำหรับคนวัยนี้อยู่เหมือนกัน เธอเล่าว่าความสนใจในธรรมะกลับมาอีกครั้งในช่วงที่ถ่ายทำละคดุจอัปสร เธอเริ่มสวดมนต์ ทำบุญ และนั่งสมาธิมากขึ้น ซึ่งล้วนเป็นสิ่งที่เคยใกล้ชิดในวัยเด็ก แต่ห่างหายไปช่วงหนึ่งตอนเป็นนักกีฬา
“ตอนเด็ก ๆ จำได้ว่าชอบเข้าวัดมาก มันมีความสงบแบบที่อธิบายไม่ถูก” มิ้นท์เล่าย้อนถึงช่วงเวลากับคุณแม่ที่ปลูกฝังเรื่องเหล่านี้ตั้งแต่ยังเล็ก หลังจากห่างหายไปหลายปี ความสงบแบบที่เคยสัมผัสก็กลับมาอีกครั้งในช่วงที่ได้ร่วมงานกับเพื่อนร่วมรุ่นอย่างเซ้นต์ซุป (เซ้นต์ ศุภพงษ์ อุดมแก้วกาญจนา) และกองทัพ (กองทัพ พีค) กลุ่มคนรุ่นใหม่ที่พูดเรื่องธรรมะได้เป็นชั่วโมงโดยไม่มีใครเขิน “พวกเราคุยกันเรื่องธรรมะจนถึงตีสามก็มีค่ะ” เธอหัวเราะเบา ๆ พร้อมเสริมว่าแค่ได้พูดคุยกับคนที่เข้าใจในมุมมองเดียวกัน ก็เหมือนได้ฮีลใจไปด้วยในตัว “มิ้นท์ว่าสิ่งที่ธรรมะช่วยฮีลได้ดีที่สุดก็คือ การที่เราได้อยู่กับตัวเอง มีสมาธิ แล้วเวลานั้นเราก็จะรู้ว่าสิ่งไหนที่เรายังไม่โอเค ทำให้เราได้ยินเสียงตัวเองดังขึ้นค่ะ แล้วยิ่งพอเราอยู่ในวงการบันเทิงที่มีสิ่งเร้าเยอะมาก ๆ ก็ทำให้เราห่างหายจากการอยู่กับตัวเอง ทั้งที่จริง ๆ อาชีพนักแสดงต้องใช้สมาธิเยอะมาก”
แม้จะใช้ธรรมะเข้ามาเป็นตัวช่วย แต่เรื่องความกลัวก็ยังเป็นสิ่งที่เธอยังไม่สามารถเอาชนะได้ “จริง ๆ ทุกวันนี้ก็ยังมีความกลัวอยู่ค่ะ หนูว่าทุกคนมีความกลัวหมด แต่อาจจะเป็นความกลัวในลักษณะ กลัวสิ่งที่ไม่แน่นอนในอนาคต กลัวการทำผิดพลาด หลายคนน่าจะกลัวทั้งสองอย่างนี้เหมือนกัน ส่วนตัวหนูเองก็มีหลาย ๆ เหตุการณ์ อย่างการแสดง มิ้นท์เคยเป็นคนที่ไม่รู้จักการแสดง เข้าวงการแรก ๆ เรื่องแรกที่เล่นไม่รู้ว่าต้องเล่นอย่างไร แค่อ่านบท ท่องบท ตอนนั้นบทพูดหนูน้อยมาก ๆ แต่หนูท่องมาตั้งแต่เมื่อวาน ท่องมาทั้งวัน แล้วพอเข้าฉากจริง ๆ คือปากไม่ขยับ พูดไม่ออก ตื่นเต้นมาก ๆ มิ้นท์เลยรู้สึกว่าความผิดพลาดเป็นความกลัวที่ปกติทุกคนน่าจะเจออยู่แล้ว แค่บางคนอาจจะรับกับความกลัวนั้นได้ บางคนอาจจะรับไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่ได้เจอความกลัวเหล่านั้น จะทำให้เราเติบโตขึ้น แล้วก็ทำให้ได้เรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ รู้จักตัวเองมากขึ้นค่ะ
“ตอนเรียนเคยมีอยู่ครั้งหนึ่งที่ต้องไปพรีเซ้นต์หน้าชั้น แล้วเรามีอาการมือสั่น เริ่มหน้ามืด หายใจไม่ทั่วท้อง เริ่มรู้สึกแปลก ๆ เหมือนจะเป็นลมตลอดเวลา ซึ่งเหตุการณ์นั้นทำให้ตอนมิ้นท์ไปแคสต์ที่ช่อง 3 ตอนแรกก็ยังคิดว่า สู้เขา เราทำได้ แต่พอไปถึงหน้าเวทีจริง ๆ อยู่ ๆ ก็รู้สึกไม่ไหวแล้วอยากกลับบ้าน กลัว ขาสั่น มือสั่น จนพอถึงเวลาที่ต้องทำจริง ๆ ก็คิดว่าช่างมัน ก็ทำไปผิดก็ผิด ต่อให้พูดบทผิดหรือเล่นแล้วตลกน่าอายก็ทำไปก่อน หลังจากเสร็จเหตุการณ์นั้นมิ้นท์ไม่ได้ผ่านเข้ารอบในเรื่องนั้น แต่ก็ได้เข้าไปเซ็นสัญญากับช่อง 3 เลยเป็นจุดที่ทำให้มิ้นท์เริ่มรู้ตัวเองว่า มิ้นท์กลัวทุกอย่างเลย แต่พอถึง ณ เวลาที่เราเอาตัวเองเข้าไปอยู่ตรงนั้นแล้ว มันเลือกไม่ได้ว่าเราจะยอมแพ้ นี่เลยทำให้มิ้นท์เติบโตขึ้นมาเป็นมิ้นท์ ณ ตอนนี้ เหมือนเราเอาตัวเองไปอยู่ในสถานการณ์นั้นเลย โดยที่เราไม่มีสิทธิ์ว่าเราจะยอมแพ้หรือไม่ยอมแพ้”
แม้จะนิยามตัวเองว่าเป็น introvert เต็มขั้น แต่มิ้นท์กลับบอกว่าเธอเรียนรู้ที่จะอยู่กับผู้คนมากขึ้นจากการทำงานในวงการบันเทิง “มิ้นท์เป็นคนที่ชอบอยู่คนเดียว เพราะรู้สึกว่าการอยู่คนเดียวช่วยชาร์จพลังให้ตัวเองได้ดี แต่พอมีโอกาสได้ทำงานในวงการที่ต้องเจอคนเยอะมาก ๆ ได้พูดคุยกับหลาย ๆ คน ได้เห็นมุมมองของคนอื่น ๆ ว่าเขามีมุมมองชีวิตแบบไหน ได้มีบทสนทนาที่มีความหมายลึกซึ้ง สามารถเอามาเป็นแรงบันดาลใจให้ตัวเอง มิ้นท์รู้สึกว่าสิ่งนี้ก็ช่วยเติมเต็มพลังงาน และพลังใจให้ตัวเองได้มากเหมือนกัน เลยทำให้เริ่มที่จะเรียนรู้ในการอยู่กับผู้คนมากขึ้น แล้วก็รู้สึกขอบคุณทุก ๆ คน ขอบคุณทุกการพบเจอ ที่ได้พบ ได้พูดคุยกัน ได้แลกเปลี่ยนกันด้วยความจริงใจ” ประสบการณ์ในวงการ นอกเหนือจากความเข้าใจบทบาทของนักแสดงมิ้นท์ยังมองเห็น “พลังของการเล่าเรื่อง” ที่แฝงอยู่ในทุกฉาก ทุกตัวละครที่เธอเคยสวมบทบาท “มันไม่ใช่แค่การแสดงเพื่อความบันเทิง แต่คือการเปิดบทสนทนาบางอย่างให้คนดูได้คิด ได้รู้สึก หรือบางทีก็ได้เห็นมุมใหม่ของชีวิต” เธอเสริมว่าบางครั้งบทบาทที่ได้รับอาจพาเธอไปสู่พื้นที่ในใจที่ตัวเองยังไม่เคยสำรวจ “เวลาเราเล่นเป็นคนที่แตกต่างจากเราโดยสิ้นเชิง เราต้องพยายามเข้าใจเหตุผลของเขา มันเลยทำให้เราเข้าใจคนอื่นในชีวิตจริงมากขึ้นด้วย”
แม้ว่าการแสดงทำให้เธอเรียนรู้ที่จะทำความเข้าใจผู้อื่น แต่ขณะเดียวกันการมาอยู่ในจุดที่ต้องเป็นบุคคลสาธารณะกลับทำให้เธอรู้สึกไม่เป็นตัวเอง “ตอนเข้าวงการแรก ๆ มีช่วงหนึ่งที่รู้สึกว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่โอเคไหม หรือว่าเราควรจะปรับให้เป็นเหมือนสิ่งที่ทุกคนคาดหวัง ซึ่งมิ้นท์ก็ค่อนข้างเครียด รู้สึกไม่ได้เป็นตัวเองเต็มที่ เหมือนว่าเราไม่สามารถซื่อสัตย์กับความรู้สึกตัวเองได้ 100% เพราะกลัวว่าหลาย ๆ คนอาจจะไม่เข้าใจ แต่พอผ่านไประยะหนึ่งมิ้นท์ถึงได้รู้ว่าการที่เราจะอยู่ในจุดนี้ให้นานขึ้น แล้วมีความสุขได้ คือเราจะต้องเริ่มจากยอมรับตัวเองก่อน ยอมรับว่าตัวเราเป็นแบบนี้ แล้วก็ไม่ตัดสินตัวเอง เป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด แล้วค่อย ๆ แสดงความเป็นตัวเองให้หลาย ๆ คนได้รู้ในแบบที่นุ่มนวลที่สุด ก็คือเป็นตัวเองในแบบที่ดีที่สุด แล้วก็จริงใจกับสิ่งที่ตัวเองทำ”
และความจริงใจและซื่อสัตย์ต่อตัวเองนั่นอาจเป็นเหตุผลว่าทำไม มิ้นท์จึงเป็นนักแสดงที่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะแสดงบทบาทไหน หรือแม้แต่บทบาทของการเป็นตัวเองนอกจอ…ก็ตาม เพราะในโลกที่ทุกอย่างเร่งรีบ การได้เติบโตอย่างซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเอง อาจเป็น ‘ของขวัญ’ ที่มีคุณค่าที่สุดแล้ว สุดท้ายก่อนจะแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเองสาวมิ้นท์ก็ไม่ลืมอวยพร AROUND ในโอกาสครบรอบ 15 ปี
“ขอให้ AROUND อยู่คู่คนไทยไปนาน ๆ ผลิตนิตยสารดี ๆ รูปภาพและวิดีโอสวย ๆ รวมถึงคอนเทนต์ดี ๆ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนได้เยอะ ๆ มิ้นท์จะคอยติดตามไปเรื่อย ๆ ค่ะ”
MODEL: Ranchrawee Uakoolwarawat
PHOTOGRAPHER: PloyPat
PHOTOGRAPHER ASSISTANT: S.Sukrit
STYLIST: Organic Boy
MAKEUP ARTIST: tangmomakeup
HAIR STYLIST: zam_zambe
CLOTHES: PUCCI ชั้น G ดิเอ็มโพเรี่ยม โทร. 0 2664 9909, Disaya ชั้น 2 เซ็นทรัลเวิลด์ โทร. 0 2646 1828 – 9, Max mara ชั้น 1 สยามพารากอน โทร. 0 2610 8000
LOCATION: Skypark Lucean Jomtien Pattaya 66 Jomtien Second Road, Pattaya City, Bang Lamung District, Chon Buri 20150 Tel. 098 861 2727, 033 674 868 E-mail: info@luniquerealestate.com Website: skyparklucean.com