TOP

ก้าวอย่างมั่นคงในจังหวะของ “ภณ–ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์”

ในโลกที่ทุกอย่างเคลื่อนไหวรวดเร็ว หลายคนเร่งรีบไปให้ถึงเส้นชัย ขณะที่บางคนเลือกเดินอย่างช้า ๆ แต่มั่นคง เพื่อให้เข้าใจในทุกก้าวย่าง สำหรับ ภณ–ณวัสน์ ภู่พันธัชสีห์ นักแสดงหนุ่มมากฝีมือ คืออีกหนึ่งคนที่เชื่อในจังหวะของตัวเอง ไม่เร่งไม่รีบ แต่กลับสะสมประสบการณ์และพัฒนาฝีมืออย่างค่อยเป็นค่อยไป จากบทบาทพระเอกหน้าใหม่ สู่ตัวละครที่ต้องใช้พลังของการตีความและประสบการณ์ชีวิต ภณค่อย ๆ พิสูจน์ให้เห็นว่าการเติบโตในวงการบันเทิง ไม่ได้มีเพียงแค่การวิ่งตามกระแส แต่คือการสร้างจังหวะของตัวเองให้มั่นคง และแม้เขาจะยังไม่ถึงจุดที่เรียกว่า “ที่สุด” แต่ก็นับว่าเป็นอีกหนึ่งคนที่เข้าใจเส้นทางที่ตัวเองเดินอยู่ได้อย่างน่าชื่นชม

หากเปรียบชีวิตเป็นซีรีส์ ภณ ณวัสน์ บอกว่าตอนนี้เขาเพิ่งก้าวเข้าสู่ซีซั่น 2 ได้ไม่นาน และไม่ใช่เพราะระยะเวลาบนเส้นทางในวงการบันเทิงที่ยาวนานถึง 9 ปี แต่เป็นเพราะปีนี้เองที่ผลงานของเขาเริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้างจริงจังเสียที “เหมือนผลงานเพิ่งจะบูมจริง ๆ ก็เมื่อต้นปี เรื่อง ‘คุณพี่เจ้าขา ดิฉันเป็นห่านมิใช่หงส์’ เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะอธิบายว่าแม้ก่อนหน้านี้จะมีผลงานมากมาย แต่เรื่องนี้ทำให้คนจำเขาได้จากบทบาทอย่างแท้จริง ซึ่งนั่นเองคือจุดเริ่มต้นของซีซั่นใหม่ในชีวิตนักแสดงของเขา

แม้ใครจะจดจำภณในลุคสุขุม สุภาพ เรียบร้อย แต่เจ้าตัวย้ำว่านั่นเป็นเพียงภาพจำเบื้องต้นที่คนนอกมองเห็นเท่านั้น “บางคนเห็นลุคนี้ก็คิดว่าเงียบ ๆ นิ่ง ๆ แต่จริง ๆ แล้วผมเป็นคนเฮฮา ขี้แกล้ง ขี้เล่นนะครับ” พร้อมกับเสริมว่าตอนนี้เริ่มสร้างพื้นที่ให้แฟน ๆ ได้เห็นตัวตนอีกด้านมากขึ้น ผ่านแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ทั้งการลงคลิปเบื้องหลังจากกองถ่าย หรือการแชร์ไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน “เมื่อก่อนผมอาจจะถ่ายแค่ story พอให้รู้ว่าทำงาน แต่ไม่รู้ว่ารายละเอียดเป็นอย่างไร แต่ตอนนี้ก็พยายามลงให้เห็นมากขึ้นว่าผมใช้ชีวิตอย่างไร กินแบบไหน อยู่กับช่างหน้าช่างผมอย่างไร”

เมื่อถามถึงบทบาทการแสดงที่ยังคงฝังลึกอยู่ในตัวเอง เขาก็ย้อนนึกถึงละครเรื่อง ‘ฟากฟ้าคีรีดาว’ ที่เขาได้รับบทเป็นลูกมาเฟียผู้หลงใหลในความท้าทายและมวยกรงใต้ดิน “เวลาตัวละครนี้ชนะใครแล้ว เขาจะรู้สึกว่าอยากเจอคนที่เก่งขึ้นเรื่อย ๆ มันคือความท้าทายใหม่ ๆ ที่เขาอยากพัฒนาตัวเอง ผมว่าความรู้สึกนี้มันก็ยังอยู่กับผมจนถึงวันนี้” นอกจากนี้สิ่งหนึ่งที่ภณบอกว่าได้เรียนรู้จากการเป็นนักแสดง คือเรื่องของ ‘ความอดทน’ เพราะในแต่ละวัน ต้องตื่นขึ้นมาเป็นตัวละคร ไม่ใช่ตัวเอง และบางครั้งอาจต้องสลับบทบาทระหว่างสองตัวละครในวันเดียวกันด้วยซ้ำ “คือคนอาจจะคิดว่าสบาย จริง ๆ ไม่ได้สบายเลย ถ้าไม่ชอบจริง ๆ ทำไม่ได้นะ มันทรมาน”

โดยส่วนตัวภณบอกว่าเขาไม่ใช่คนที่พูดมาก หรือเปิดใจกับคนแปลกหน้าได้ทันที “ถ้าผมไม่รู้จักใครเลย ผมจะไม่ค่อยกล้าคุยก่อน คนก็จะคิดว่าหยิ่ง พูดน้อย แต่ถ้ารู้จักกันแล้วก็จะเป็นกันเองมาก ๆ” นี่คงเป็นอีกจุดหนึ่งที่ทำให้คนภายนอกมองเขาเป็นหนุ่มขรึม นิ่งเงียบแถมเขายังเสริมอีกว่าในวันที่รู้สึกเฟล หรือพบกับความกดดัน เขามักจะเลือกนิ่งก่อน “เวลาเจอปัญหา ข้างนอกผมอาจจะนิ่ง แต่ข้างในคือต้องรีบหาทาง หาลู่ทางต่าง ๆ เพื่อแก้ปัญหาให้ได้ พยายามทำให้ปัญหาหมดไป อย่าเฟลนาน” โดยภณจะมีคนที่ปรึกษาได้เสมอ ทั้งผู้จัดการส่วนตัวที่เข้าใจบริบทของวงการบันเทิง และคุณแม่ซึ่งคอยดูแลอยู่ห่าง ๆ อย่างเข้าใจ ซึ่งเขาเล่าว่าบางครั้งจะไม่เชื่อทันทีในสิ่งที่คนรอบข้างแนะนำ “ผมเป็นคนดื้อเงียบครับ บางทีฟังแล้วก็จะไม่เชื่อก่อน แต่พออยู่คนเดียว ได้ตกตะกอนแล้วถึงจะคิดว่าสิ่งที่เขาพูดมันก็จริงนะ”

เรื่องต่อมาในมุมของความสำเร็จ ภณก็นิยามไว้อย่างน่าสนใจ “คือผมได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ ทั้งงานแสดง แล้วก็การออกกำลังกาย การวิ่ง มันคือสิ่งที่ผมรัก แล้วตอนนี้ก็อยู่ในช่วงวัยที่กำลังพัฒนาได้ดี มันเลยรู้สึกว่า ถ้าเราทำสิ่งที่ชอบไปด้วย แล้วได้สร้างอนาคตไปด้วย มันก็ถือว่าประสบความสำเร็จแล้วนะ” ขณะเดียวกันในระหว่างทางไปสู่ความสำเร็จ ก็อาจมีบางครั้งที่เหนื่อยล้าเกิดขึ้นได้บ้าง แต่คำสั้น ๆ ที่เขาท่องไว้ในใจและทำให้ผ่านพ้นมาได้ในเวลาเหนื่อยหรือท้อ คือคำว่า ‘อีกนิดเดียว’ ซึ่งดึงมาจากวงการวิ่งที่เขาหลงใหล “อีกนิดเดียวจะถึงเป้าหมายแล้ว อีกนิดเดียวเดี๋ยวมันก็ผ่านไป มันไม่มีความทุกข์ไหนที่อยู่กับเราตลอด หรือความสุขไหนที่อยู่กับเราตลอดไป” และนี่เองที่ทำให้เขาสามารถพาตัวเองก้าวขึ้นมายืนอยู่ในจุดที่เข้าใกล้เส้นชัยมากขึ้นทุกที เช่นเดียวกับอีกหนึ่งกิจกรรมที่เขารักและทำได้ดีไม่แพ้กันนั่นคือ ‘การวิ่ง’

ภณเป็นหนึ่งในนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นนักวิ่งอย่างจริงจัง โดยมีเป้าหมายชัดเจนคือการเก็บ “6 Stars” ของรายการวิ่งมาราธอนเมเจอร์ระดับโลกให้ครบ ตอนนี้เขาวิ่งมาแล้ว 3 สนาม ได้แก่ โตเกียว เบอร์ลิน และลอนดอน และกำลังมุ่งหน้าสู่ ชิคาโก บอสตัน และนิวยอร์ก “ตอนนี้ดีที่สุดคือทำเวลาได้ 3 ชั่วโมง 50 นาที ถือว่าเป็นคนที่ขั้นกว่าของคนออกกำลังกายทั่วไปแล้วครับ ก็อยากพัฒนาให้ดีขึ้นอีก” ภณยังบอกอีกว่าสิ่งที่ทำให้เขาหลงรักการวิ่ง ไม่ใช่แค่การไปถึงเส้นชัย แต่คือการโฟกัสกับทุกก้าวที่เหยียบลงพื้น “การวิ่งมันมีรายละเอียดเยอะมาก ทุกก้าวคือการควบคุมร่างกาย สมาธิ และจิตใจ ต้องคิดเสมอว่าเรากำลังทำอะไร เพื่ออะไร และอย่าเสียแรงไปเปล่า ๆ เพราะทุกก้าวมีความหมาย”

ที่สำคัญความสัมพันธ์กับแฟนสาวที่เกิดขึ้นพร้อม ๆ กับเส้นทางการวิ่ง ก็เป็นอีกหนึ่งแรงสนับสนุนที่ทำให้ภณรู้สึกมั่นคงและอบอุ่น เขายิ้มอบอุ่นเมื่อเล่าถึงความรักครั้งนี้ “ตอนนี้อยู่ในช่วงเพิ่งออกตัวเลยครับ เพิ่งเจอคนที่พร้อมวิ่งไปด้วยกัน” ซึ่งสำหรับเขาแล้วความเข้าใจเป็นรากฐานสำคัญของความสัมพันธ์ในครั้งนี้ “จำไม่ได้เลยว่าเคยทะเลาะกันไหม สำหรับผมความรักตอนนี้ดีมากเลยครับ เราเข้าใจกันทุกเรื่อง บางทีไม่ต้องพูดก็เข้าใจกัน อาจเพราะเราผ่านมาราธอนมาด้วยกัน” เขาเล่าด้วยน้ำเสียงขำ ๆ ว่าคนมักจะคิดว่าคู่รักที่วิ่งด้วยกันจะวิ่งเคียงข้างตลอดทาง แต่ความจริงคือ ต่างคนต่างวิ่งตามแพลนที่โค้ชแจกให้ “บางทีผมอาจจะวิ่งเร็วกว่าหรืออะไรก็แล้วแต่ แต่เขาไม่เคยว่าเลยว่าทำไมไม่รอ เขารู้ว่าเป้าหมายของเขาอยู่ตรงไหน มันคือความเข้าใจกันมากกว่า” ก่อนจะจบการพูดคุยกันในวันนี้ ในฐานะของนักแสดงเมื่อถามว่าอยากให้บทบาทไหนเป็นภาพจำสุดท้ายหากวันหนึ่งต้องอำลาวงการ เขาหัวเราะก่อนตอบว่าอยากให้เป็นบทบาทพ่อ หรือไม่ก็พระเอกที่มีความจิต ร้ายแบบที่คนเกลียดตอนต้น แต่ทำให้รักได้ในตอนจบ “แบบสวรรค์เบี่ยง ประมาณนั้นเลยครับ มีหลายอารมณ์ ได้แสดงอะไรเยอะดี ผมอยากให้คนจดจำผมจากบทที่มีพลังแบบนั้น”

ส่วนทุกวันนี้ เขายังคงเรียนรู้จากผู้คนรอบตัวอยู่เสมอ และเก็บรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อเตรียมพร้อมรับบทบาทที่หลากหลายในอนาคต “ผมอาจจะได้เล่นเป็น LGBT หรืออะไรสักอย่าง ก็เลยต้องสังเกตคนรอบตัวตลอด สังเกตเพื่อเอาไปใช้ในอนาคต ผมว่าอาชีพนักแสดงคือการสังเกตครับ” พร้อมกับตอบคำถามสุดท้ายด้วยรอยยิ้มว่าหากอีก 10 ปีข้างหน้ามีภณอีกเวอร์ชันหนึ่งเดินมาหา สิ่งที่อยากถามคือ “สิ่งที่เราทำอยู่ตอนนี้มันโอเคไหม เป้าหมายที่เราวางไว้มันถึงหรือยัง ถ้าไม่ถึงก็บอกหน่อย จะได้เปลี่ยนทางทันครับ” (หัวเราะ) แต่แววตามุ่งมั่นยังชัดเจน ไม่ต่างจากนักวิ่งที่แม้จะยังไม่ถึงเส้นชัย แต่ก็รู้ตัวเสมอว่าทุกก้าวที่ก้าวคือ ‘อีกนิดเดียว’ ที่พาเขาไปถึงเป้าหมายที่ฝันไว้

MODEL: Nawasch Phupantachsee

PHOTOGRAPHER: Warun Nanthasakulkarn

ASSISTANT PHOTOGRAPHER: Chalat Jirapayungchai

STYLIST: Organic Boy

MAKEUP ARTIST: phitchanon_makeup

HAIR STYLIST: muk_0727

CLOTHES: MARC JACOB / PUCCI / TOD’S

LOCATION: Madi Paidi Bangkok, Autograph Collection

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด