TOP

สุดเอ็กซ์คลูซีฟ อินฟลูเอนเซอร์เชฟคนดัง “ซิโมเน ฟิเนตติ” บินลัดฟ้าสู่ไทย จับมือ โรงแรมเวลล์กรุงเทพ รังสรรค์เมนูไทยสไตล์อิตาเลี่ยน “ต้อนรับวันแม่”

โรงแรมเวลล์กรุงเทพ สุขุมวิท 20 จับมือเชฟคนดัง “เชฟซิโมเน ฟิเนตติ” (Simone Finetti) จากรายการทีวีที่มีชื่อเสียง “มาสเตอร์เชฟ” ประเทศอิตาลี บินตรงมาเยือนไทยครั้งแรก ร่วมรังสรรค์เมนูพิเศษต้อนรับวันแม่ กับเชฟใหญ่ของโรงแรม “เชฟเคน ขยันขาย” โดยเมนูพิเศษของเชฟซิโมเนนั้น ได้บรรเจิดจากแรงบันดาลใจในช่วงขณะที่สัมผัสประสบการณ์เยี่ยมเยือนท่องเที่ยวยังสถานที่ไฮไลท์ต่างๆ ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัดของประเทศไทย ที่ทำให้เชฟซิโมเนเกิดความประทับใจแบบสุดๆ

“เชฟซิโมเน ฟิเนตติ” หนุ่มหล่อหน้าคมผมน้ำตาล ตามสไตล์หนุ่มอิตาเลี่ยนขนานแท้ ที่มีรอยยิ้มสดใสเป็นอาวุธ วัย 30 ปี เป็นทั้งอินฟลูเอนเซอร์คนดังของอิตาลี ที่มีแฟนๆ ทั่วโลกติดตามไลฟ์สไตล์ของเขาจำนวนมากทางโซเชี่ยลมีเดียทุกช่องทาง และยังเป็นผู้เข้ารอบ 8 คนสุดท้าย ในรายการโทรทัศน์ชื่อดังมาสเตอร์เชฟ อิตาลี รุ่นที่ 4 ในการแข่งขันทำอาหาร และเป็นคนแรกที่ได้รับตำแหน่งเจ้าแห่งพาสตา (Master of Pasta) ด้วยอัธยาศัยเป็นกันเองและมีบุคลิกเฟรนลี่ บวกกับไลฟ์สไตล์รักการเดินทางเปิดโลกกว้างที่ช่างดึงดูดคนรุ่นใหม่ อีกทั้งความสามารถก็ให้เป็นที่จับตามอง ชายหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลบนพื้นที่สื่อสังคมออนไลน์ในขณะนี้ เป็นที่ต้องตาต้องใจจนได้รับเชิญจาก สายการบินลุฟต์ฮันซา ชวนมาเยี่ยมเยือนเมืองไทย ในการโปรโมทเส้นทางท่องเที่ยว ร่วมด้วย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยสำนักงานโรม อิตาลี เป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ชาวอิตาลี่ ที่มาเปิดโลกแห่งประสบการณ์ยังฝั่งเอเชีย โปรแกรมการเดินทางจึงถูกออกแบบให้แมทช์กับไลฟ์สไตล์ของเชฟที่สนุกกับการเรียนรู้สิ่งใหม่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันงดงามหลากสไตล์หลายจุดหมาย ทั้งในกรุงเทพและจังหวัดใกล้เคียง เพื่อเข้าถึงวัฒนธรรม ประเพณี ความเป็นอยู่ของชุมชนคนพื้นถิ่น และอาหารการกินที่เลื่องชื่อจนต้องขอลอง เพื่อนำประสบการณ์ไปถ่ายทอดบอกต่อความประทับใจในทุกเรื่องราว ผ่านทุกกิจกรรมที่เชฟได้ไปสัมผัสด้วยตัวเอง สู่ผู้ชมที่ติดตามในประเทศอิตาลี เชิญชวนให้เดินทางตามรอยท่องเที่ยวประเทศไทย

โปรแกรมท่องเที่ยวและกิจกรรมที่เลือกให้แมทช์กับไลฟ์สไตล์ของเชฟซิโมเน ในคอนเซ็ปต์ “Go Local & New Experience” ซึ่งทาง การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ได้ออกแบบการเดินทางให้สอดรับกับทุกมิติ เพื่อให้ได้กายสัมผัสและรสสัมผัสประสบการณ์ใหม่อย่างรอบด้าน อาทิ เรียนรู้การทำอาหารแบบไทยใช้ชีวิตแบบชาวพื้นเมือง ที่ “สวนสามพราน จ.นครปฐม”, วิถีชุมชนปลูก “สวนมะพร้าว” และเดินเล่นเห็นความเก่าแก่ของ “ตลาดร้อยปี จ. ฉะเชิงเทรา”, กราบพระสัมผัสวัฒนธรรมไทย ที่ “เมืองเก่า จ. อยุธยา”, ชมความงดงามของสถาปัตยกรรมและเรื่องราวของกรุงรัตนโกสินทร์ ที่ “พระบรมมหาราชวัง”, สักการะพระคู่บ้านคู่เมือง ที่ “วัดพระศรีรัตนศาสดาราม”, สัมผัสบรรยากาศถนนคนเดิน ชิมอาหารสตรีทฟู้ดเลืองชื่อ ที่ “เยาวราช” และ ช้อปปิ้งตลาดที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ที่ “ตลาดนัดจตุจักร” โดยเฉพาะสัมผัสวัฒนธรรมการกิน ด้วยการเลือกสรรค์อาหารหลากหลายสไตล์ให้เชฟได้ไปลิ้มลอง รับประสบการณ์ในหลากมิติ ตั้งแต่อาหารสตรีทฟู้ด ชิมแมลง ลองชาบู ยันรูฟท็อปบาร์สุดหรู เชฟซิโมเนได้เพลิดเพลินไปกับวิถีชุมชน และเรียนรู้การดำรงชีวิตอย่างเรียบง่ายของคนพื้นถิ่น ปลูกพืชผักสวนครัวนำมาเป็นวัตถุดิบบนอาหารจานโปรดในบ้าน ลองชิมรสชาติของวัตถุดิบสดๆ เรียนรู้รสชาติก่อนผ่านการปรุง เพราะเขามีความรัก (passion) ในการทำอาหารตั้งแต่เด็ก การเก็บพืชผักสดในสวน เขาถือเป็นหัวใจ ทำให้เขาได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการใช้วัตถุดิบสดใหม่ในการทำอาหาร

ด้วยประสบการณ์เพียงไม่กี่วัน ทำให้เชฟซีโมเนได้อินสไปร์เมนูสุดเอ็กซ์คลูซีฟเฉพาะที่เมืองไทย โดยใช้วัตุดิบพืชผักของไทยร้อยเปอร์เซ็นต์นำมารังสรรค์เมนู ร่วมกับ “เชฟเคน ขยันขาย” เชฟใหญ่ของโรงแรม ซึ่งสั่งสมประสบการณ์การทำงานด้านอาหารมากว่า 15 ปี ทั้งในร้านอาหารและโรงแรมชื่อดัง อาทิ โรงแรมสุโขทัยกรุงเทพ, โรงแรมอาร์คาเดียสวีท, โรงแรมโฮเท็ลไอคอน และล่าสุดที่ร้านอาหาร White Lies เดอะเพนนินซูล่าพลาซ่า โดยร่วมงานกับเชฟเมาริซิโอ เมนโคนี ตลอดเวลาหลายปีที่ผ่านมา เชฟเคนได้ฝึกฝนฝีมือ และเทคนิคการทำอาหารในหลายแนว แต่มีความรักและเชี่ยวชาญเป็นพิเศษในอาหารอิตาเลียน

 

เมนูพิเศษภายใต้โจทย์ “Thailand Inspired” ให้เป็น “เมนูต้อนรับวันแม่” สื่อถึงความอบอุ่นแห่งสายใยรัก ที่ทั้งสองเชฟมือทองได้ร่วมกันรังสรรค์ อันเป็นความท้าทายอย่างมากสำหรับเชฟซีโมเน เกิดปิ๊งไอเดียสไตล์อาหารที่ทำจากแป้งพาสตาตามแนวถนัด แต่ใช้อินกรีเดียนท์ของไทย โดยคงคอนเซ็ปต์ผสมผสาน 2 สัญชาติอิตาเลี่ยน -ไทยได้อย่างลงตัว ด้วยวัตถุดิบตั้งต้นประกอบด้วย ไก่ กุ้ง ขิง ดอกอัญชัญ ไข่ดิบ ผักบุ้ง เห็ดเข็มทอง เกลือ ครีมกุ้ง ซอสกุ้ง ผิวมะนาว น้ำมันมะกอก

 

เชฟซิโมเน กล่าวว่า “ผมใส่ไข่แดงเพื่อเพิ่มไขมันในจาน ส่วนผักบุ้ง ที่ใช้ตกแต่งเป็นตัวแทนความเป็นไทย ผมผัดแบบอิตาเลียนใส่ไวน์ขาวนิดหน่อย ราดด้วยซอสไก่อบที่เคี่ยวทิ้งไว้จนเข้มข้นครับใช้เวลา 6 ชั่วโมง จนได้เมนูรสชาติกลมกล่อมมีชื่อว่า “Liquid egg raviolo Thai style”

และอีกเมนูของ “เชฟเคน” ที่รังสรรค์ขึ้น มีชื่อว่า Marinated Salmon Salsa and Pepper Sauce ใช้ปลา Marinated โดยส้มคั้นสด เกลือ น้ำตาล ใช้เมล็ดพริกไทย และเมล็ดผักชี มีรสชาติคล้ายซาชิมิ แต่มีกลิ่นอายของความเป็นยุโรปอิตาเลี่ยน ด้วยรสชาตินำเปรี้ยวหวานและให้ความสดชื่น ทำให้ต่อมรับรสทำงานกระตุ้นให้อยากรับประทานอาหารจานต่อไปมากขึ้น

เมนูพิเศษของเชฟซิโมเน ฟิเนตติ และ เชฟเคน ขยันขาย จะมีให้บริการต้อนรับเทศกาศวันแม่ ที่กำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้

ระหว่างวันที่ 1 สิงหาคม – 31 ตุลาคม 2562 ณ ห้องอาหารอีทเวลล์คาเฟ่ โรงแรมเวลล์กรุงเทพ สุขุมวิท 20

โทร. สำรองที่นั่ง : 02 127 5995 | อีเมล์ dinings@wellhotelbangkok.com

 

-||-

 

ขยับเข้ามาใกล้ รู้จัก “เชฟซิโมเน” (Simone Finetti) ให้มากขึ้นกันอีกนิด! 

 

ครั้งแรกในชีวิตที่คุณสนใจในเรื่องการทำอาหารเกิดขึ้นช่วงไหน

มันเริ่มตั้งแต่ตอนที่ผมยังเด็กมากครับ ตอนนั้นอายุได้เพียง 4 ขวบ ผมได้เริ่มฝึกการทำเส้นพาสตาจากคุณยาย แต่ผมก็เล่นซนไปเรื่อยๆ ตามประสาเด็กแหล่ะครับ ไม่ได้ทำเป็นจริงเป็นจังอะไร พอช่วงอายุได้ 17 ปี ตอนนั้นเป็นช่วงหน้าร้อน บ้านผมอยู่ใกล้กับทะเล ช่วงพักร้อน 3 เดือน ผมจึงได้เริ่มทำงานเล็กๆ น้อยๆ อย่างบาริสต้า คนทำพิซซ่า แล้วก็งานเด็กเสิร์ฟ ผมเลยได้เรียนรู้หลายๆ อย่างเกี่ยวกับงานครัวและงานในร้านอาหารจากตรงนั้น

 

เมื่อย้อนกลับไป เมนูแรกในชีวิตที่คุณทำแล้วรู้สึกภูมิใจ คือเมนูอะไร ยังจำได้มั๊ย

จานแรกเลยเหรอ Tagliatelle, Fettuccine เส้นสดครับ

 

ในเวลานั้นคุณอยากทำให้ใครชิมเป็นคนแรก

คุณพ่อครับ ทำที่บ้านย่า แล้วให้คุณพ่อชิม คุณพ่อยังบอกอีกว่า อร่อยกว่าที่คุณย่าทำอีกนะ (ยิ้ม)

 

อะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณเลือกมาเป็นผู้สร้างสรรค์ศิลปะแห่งรสชาติบนจานอาหาร

คุณยายของผมเป็นคำตอบแรกเสมอครับ แต่ก็มีอีก 2 ท่านนะ ที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้กับผมมาเป็นเชฟ คือ ปรมาจารย์เชฟอิตาเลี่ยน 2 ท่านนี้ Giacinto Rossetti และ Gualtiero Marchesi

 

เชฟเดินทางมาประเทศไทยครั้งแรกหรือเปล่า เพราะอะไรจึงเลือกจุดหมายประเทศไทยในการมาเยือนครั้งนี้

ครั้งแรกครับ ผมเลือกที่จะมาที่นี่ เพื่อบันทึกรายการโทรทัศน์ของอิตาลี สำหรับประชาสัมพันธ์ประเทศไทยว่ามีอะไรน่าสนใจ เล่าเรื่องประเทศไทยเชิญชวนให้คนอีตาเลียน มาเที่ยวเมืองไทยครับ

 

ในช่วงระยะเวลาที่เชฟมาอยู่เมืองไทย 8 วัน คุณได้ไปที่ไหนมาบ้าง

โอว ผมไปมาหลายที่มากเลยครับ ผมจำได้ไม่หมดแน่ๆ ผมได้ไปวัดพระแก้ว, พระบรมมหาราชวัง, วัดโพธิ์ที่มีพระนอนองค์ใหญ่, สวนผักออร์แกนิค ไปชิมอาหารที่อยุธยา แล้วก็ไป SkyBar ที่เลอบัว ตรงสกายวอล์ค นี่ผมตื่นเต้นมากเลยนะ

แล้วที่นี่หล่ะ…อยุธยา (ในภาพ)

โอว มันเป็นอะไรที่วิเศษมากๆ เลยครับ เพราะว่าสถานที่เหล่านี้คุณไม่ได้เห็นแค่ด้วยตา แต่มันต้องสัมผัสด้วยความรู้สึก เวลาผมอยู่ที่นี่ ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปจริงๆ นะ มันสงบ และสถานที่บอกเล่าเรื่องราวต่างๆ ที่มีแต่ความสุขมากเลยนะ

 

ได้เดินเล่นชิมอาหารสตรีทฟู้ดของไทยที่ไหนบ้างแล้วหรือยัง

ผมชิมมาเยอะมากเลยนะ (หัวเราะ) เหลือแค่คืนนี้ที่ผมจะไปเยาวราช ผมได้ลองกินแมลงมาด้วยนะ อร่อยดี ผมชอบ คืนนี้ผมจะได้ลองชิมแมงป่อง

เมนูโปรดอาหารไทยของเชฟ คืออะไร

เอ่อ…ที่ผมชอบมากเลยคือเมนูที่ทำมาจากปลา และ กุ้งแม่น้ำ ผมชอบมากเลย แต่ผมจำไม่ได้ว่าชื่อเมนูอะไร

 

ที่อิตาลีมี Street food แบบของไทยมั๊ย

มีสิ ปาแลร์โม คาตัญญา ซิชิเลีย

 

ทุกครั้งที่คุณครีเอทเมนูใหม่ๆ อินสไปร์เรชั่นของคุณเกิดขึ้นจากอะไร

ก็แล้วแต่นะ เพราะแรงบันดาลใจนี่มันก็มาจากแหล่งที่มาของวัตถุดิบในการปรุงเหมือนกัน มันเป็นเรื่องที่น่าถ่ายทอดให้คนรุ่นใหม่ที่ตอนนี้กินแต่อาหารขยะ ขนม ซึ่งมันไม่ถูกต้อง เราต้องสอนให้เค้ารู้จักกิน และเรียนรู้อาหารที่มาจากพื้นถิ่น จากการเก็บเกี่ยวแบบสดใหม่ วัยรุ่นสมัยนี้ควรเรียนรู้ที่จะเริ่มกินอาหารสดใหม่ ผัก ผลไม้ เนื้อ ปลา แรงบันดาลใจของผมมาจากตรงนั้นล่ะ

 

คุณมักจะไปเดินตลาดและเลือกคัดสรรค์วัตถุดิบที่นำมาปรุงอาหารด้วยตัวเองเสมอ เสน่ห์ของการได้ไปเลือกกับมือคืออะไร

ผมว่าสำหรับผมนะ ผมจะชิมวัตถุดิบทุกอย่างก่อนนำมาปรุง เพราะจะทำให้ผมเข้าถึงรสชาติก่อนจินตนาการถึงเมนูที่ผมจะครีเอทในแต่ละเมนู

 

คุณมีวิธีอะไรในการบาลานซ์ชีวิตส่วนตัวและเรื่องงาน ที่สามารถเป็นไอดอลของคนยุคใหม่ ส่งต่อแรงบันดาลใจและความสุขให้กับคนที่ติดตามคุณยังไง

สำหรับผมมันแยกไม่ออกแล้วระหว่างการทำงานกับชีวิตส่วนตัวนะ  เพราะงานของผมคือชีวิต มันเป็นความสุขที่ทำให้คนยิ้มได้ ผมทำอาหารให้คุณชิม แล้วคุณยิ้มมีความสุข นั่นผมก็ได้รับค่าตอบแทนจากคุณแล้ว

 

มันอเมซิ่งมากจริงๆ ที่เห็นผลงานอาหารของคุณราวกับผลงานศิลปะ นอกจากการคิดค้นเมนูและรสชาติให้แปลกใหม่แล้ว คุณคิดว่าความลงตัวที่สุดบนจานอาหารของคุณคืออะไร

ความลงตัวที่สุดเหรอ ผมว่ามันไม่มีนะ เพราะเราสามารถทำอะไรใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิมได้ทุกวัน

 

ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของคุณ นอกจากทำอาหารแล้ว คุณชอบทำอะไร

ผมชอบเล่นกีฬาสปอร์ตเกือบทุกอย่าง ขี่มอเตอร์ไซต์ แล้วก็ตกปลาด้วย มันช่วยให้ผมมีความสุขและมีพลังในทุกวัน

 

เมนูที่คุณครีเอทขึ้นเป็นพิเศษร่วมกับ เชฟเคน ขยันขาย มีเมนูอะไรบ้าง

มีเมนูเดียวครับ Liquid egg raviolo Thai style ผมใส่ไข่แดงเพื่อเพิ่มไขมันในจาน มันจะทำให้มันกุ้งมีกลิ่นที่โดดเด่นขึ้น มีน้ำมันมะกอก เกลือ เปลือกมะนาว เห็ด ผักบุ้ง ที่ใช้ตกแต่งที่เป็นตัวแทนความเป็นไทย ผมผัดแบบอิตาเลียนใส่ไวน์ขาวนิดหน่อย ราดด้วยซอสไก่อบที่เคี่ยวทิ้งไว้จนเข้มข้นครับ แต่จริงๆ แล้วผมกับเชฟเคน เราได้แลกเปลี่ยนอาหารกันด้วยครับ เค้าทำผัดไทยให้ผม ผมทำ Caccio e peppe ให้เค้า รู้สึกดีมากเลยครับ

 

สิ่งที่คุณคิดถึงก่อนสร้างสรรค์เมนูร่วมกันนี้ โจทย์ของคุณคืออะไร อาทิเช่น รสชาติแบบไหนที่คิดว่าจะถูกปาก อินกรีเดียนท์ เครื่องปรุงแนวไหน วัตถุดิบควรเป็นอะไร

ผมต้องเข้าใจก่อนว่าผมจะนำรสชาติแบบไทยให้ผสมผสานกับรสชาติแบบอิตาเลียนได้ยังไง ผมหยุดคิดไม่ได้เลยนะ แต่พอหยุดคิด ไอเดียมันก็มาแล้วก็เริ่มทำเลย ความเป็นไทยของจานนี้คือตัวซัลซ่า เพราะผมชอบน้ำซุปของที่นี่ แต่ผมไม่ชอบใบมะกรูด ดังนั้นในซอสของผมจะไม่มีใบมะกรูด (หัวเราะ) ผมใส่กุ้ง เห็ด ผัก วัตถุดิบพวกนี้ที่ผมชอบ อ่อ พริกด้วยนะ แต่ไม่เอาเผ็ดแบบคนไทยกิน ให้มีรสนิดหน่อยพอครับ

 

กว่าจะมาถึงจุดที่ได้เข้ารอบ 8 คนสุดท้าย ของรายการมาสเตอร์ เชฟ อิตาเลี่ยน เชฟต้องเตรียมความพร้อมของตัวเองเพื่อการแข่งขัน และเพื่อให้ถึงจุดหมายแห่งความสำเร็จยังไงบ้าง

ผมต้องเรียนครับ อ่านหนังสือเยอะมากเลย อ่านไปพร้อมกับฝึกฝนตัวเองทุกวัน เทคนิคมันเรียนกันได้แต่ต้องเข้าใจในตัววัตถุดิบ ว่าต้องทำอย่างไร ใช้แบบไหน ไม่ใช่แค่จำนะ ต้องฝึกเยอะมากโดยเฉพาะเรื่องเบเกอรี่

 

Master Of Pasta เจ้าแห่งพาสตา ฉายานี้มายังไง

ผมแข่งขันอีกรายการหนึ่งครับ เกี่ยวกับการทำพาสตาสด และได้รับการโหวตจากผู้ชมถึง 20 คน มันเยอะนะเมื่อเทียบกับผู้แข่งขันคนอื่น ที่ได้คะแนนโหวตเพียงแค่ 1-2 โหวตเท่านั้น จากการทำพาสตาให้ผู้ชมลองชิม แล้วก็นั่นละครับ ผมชนะ (ยิ้ม)

 

จากการที่ AROUND ONLINE ได้มีโอกาสพูดคุยกับ เชฟซิโมเน ทำให้ได้สัมผัสถึงอัธยาศัยเป็นกันเอง รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ และพลังสร้างสรรค์ของเชฟหนุ่มไฟแรงคนนี้ ที่เขาจะนำความประทับใจกลับบ้านเกิด และบอกต่อเรื่องราวความงดงามของประเทศไทยในทุกด้าน สู่ชาวอิตาเลี่ยน และสามารถติดตามเรื่องราวของประเทศไทยผ่านประสบการณ์ของเชฟคนดังได้ที่

  • Simone Finetti | Facebook
  • Instagram | Simone Finetti (@simone.finetti)
  • https://www.simonefinetti.it/

 

ขอขอบคุณล่ามภาษา : คุณบารนี ภักดีรพฤติ  โรงแรมเวลล์ กรุงเทพ

Photos : Instagram : Simone Finetti (@simone.finetti)

 

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด