TOP

‘แอนโทเนีย โพซิ้ว’ ไอดอลหญิงเก่งแห่งยุค ส่งต่อพลังบวกใช้พลังหญิงสร้างสรรค์โลก

“เราไม่รู้ถ้าเราไม่ลอง” ประโยคสั้น ๆ ง่าย ๆ ที่ทำให้เราได้รู้จักกับผู้หญิงที่ไม่ได้มีเพียงความสวยและมีเสน่ห์ที่น่าหลงใหลเท่านั้น แต่เธอใช้ความเก่ง และความสามารถนำพาตัวเองไปสร้างชื่อเสียงให้กับผู้หญิงไทยและยืนอยู่ในอันดับต้น ๆ บนเวทีระดับโลกมาแล้วถึง 2 เวทีอย่าง Miss Supranational 2019 กับตำแหน่งชนะเลิศ และรองอันดับหนึ่งจากการประกวด Miss Universe 2023 และในโอกาสครบรอบ 14 ปีของนิตยสาร ทีมงานทุกคนจึงเห็นพ้องต้องกันที่จะชักชวน “แอนโทเนีย โพซิ้ว” มานั่งพูดคุย พร้อมถ่ายภาพแฟชั่นเซ็ตสุดเลอค่า เพื่อให้สมกับที่เป็นช่วงเวลาพิเศษแบบนี้

ถึงแม้หลังจากเสร็จสิ้นการประกวด เธอจะยังไม่ได้หยุดพักจากการทำงานเลยสักวัน ที่สำคัญเรายังแอบรู้มาว่าที่จริงแล้ววันที่นัดถ่ายแฟชั่นกับ AROUND วันนี้ จะเป็นเพียงวันเดียวที่เธอกำลังจะได้หยุดพัก แต่ถึงอย่างนั้นสาวสวยคนเก่งคนนี้ก็ไม่ปฏิเสธคำเชิญของเรา

 

“ปกติแอนจะชอบงานถ่ายแบบอยู่แล้วด้วย พอทีมงานติดต่อมาก็ยินดีค่ะ (ยิ้ม) แล้วชุดที่ถ่ายวันนี้จะมีความแฟชั่นด้วย เป็นสไตล์ที่แตกต่างไปจากเดิม แอนชอบมากค่ะ ที่ได้เปลี่ยนลุคตัวเอง และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพอใส่เครื่องประดับ Mouawad ด้วยก็ยิ่งโอเคเลยค่ะ เพราะ Mouawad เป็นแบรนด์ที่สร้างความฝันให้ผู้หญิงในปี 2023” พูดจบพร้อมกับส่งยิ้มกว้างสดใส จนทำให้เราชวนย้อนกลับไปพูดคุยถึงความรู้สึกในวันที่ยืนอยู่บนเวทีโลกอีกครั้ง

“ด้วยความที่เราพยายามผลักดันตัวเองทุกวัน พัฒนาสกิลทุกวัน แถมยังมีหลากหลายกระแสเข้ามาทุกวัน บอกได้เลยว่ากว่าที่จะไปถึงจุดนั้นได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วถ้าจะบอกว่าไม่ผิดหวังก็ไม่จริง เพราะว่าเราและทุกคนก็มาเพื่อที่จะเอามงอยู่แล้ว แต่แอนเชื่อว่าทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยเหตุผล ถ้ามันไม่ใช่ของเราจริง ๆ ก็ไปบังคับไม่ได้ และแอนก็คิดว่าการเป็น Miss Universe อาจจะไม่ได้เป็นเส้นทางของแอนก็ได้ แต่เส้นทางสู่การไป Miss Universe นี้จะสร้างโอกาสให้แอนมากขึ้นค่ะ เพราะฉะนั้นถ้ามีคนถามว่าหากย้อนเวลากลับไปได้อยากจะแก้ไขเรื่องอะไร แอนตอบได้ทันทีว่าไม่คิดค่ะ เพราะว่า ณ เวลานั้น เราทำดีที่สุดที่ทำได้แล้ว ถ้ามัวแต่คิดว่าฉันควรทำแบบนี้แบบนั้น มันจะสร้างความซึมเศร้าให้เรา แล้วเราจะไม่มูฟออน ถ้าเรายอมรับว่านี่คือดีที่สุดที่ฉันทำได้แล้ว จากนั้นมองไปข้างหน้าว่าต่อไปเราจะทำอะไรดีกว่า” จากคำตอบนี้อาจสะท้อนให้เห็นถึงการเป็นคนคิดบวกของเธอ แต่ในความเป็นจริง เธอแอบกระซิบว่าเคยเป็นคนหนึ่งที่ดูถูกตัวเองเหมือนกัน

“จริง ๆ แอนไม่ได้เป็นคนคิดบวกมาตลอดเวลา แอนเคยเป็นคนที่ดูถูกตัวเอง และมักจะเห็นแต่ด้านลบในหลาย ๆ สถานการณ์ แต่พอโตขึ้น แล้วเห็นว่ามันไม่ได้ดีกับชีวิตเราเลย ถ้ามานั่งบอกตัวเองว่าเราไม่ดีพอ ไม่สวยพอ เปรียบเทียบกับคนอื่น แต่ถ้าเราบอกตัวเองว่าเราทำได้ มองในมุมบวกมันก็จะสร้างความสุข สร้างแรงผลักดัน ความมั่นใจให้เราไปสู่ความฝันของเราได้ แล้วเอาพลังแบบนี้ส่งต่อไปให้คนอื่น ทำให้เขามีความสุขเหมือนกัน ชีวิตเราสั้นมากค่ะ มันมีอีกหลายอย่างในชีวิตของเราที่ดี เราเพียงแค่ต้องเปิดตา แล้วมองให้เห็น แอนจำไม่ได้ว่าช่วงเวลาไหนที่แอนเปลี่ยนความคิด แต่ว่าคุณพ่อแอนเป็นคนคิดบวก ตอนที่แอนดูถูกตัวเอง ไม่มั่นใจในตัวเอง คุณพ่อจะมานั่งคุยด้วย บอกว่าเราจะต้องคิดแบบนี้นะ ให้แอนมองอีกด้านหนึ่ง คุณพ่อจะไม่เคยบอกว่ายูผิด หรือว่ายูต้องทำแบบนั้น แบบนี้ แต่คุณพ่อจะถามคำถามให้เรารู้สึกว่า oh yeah maybe I’m wrong, maybe I have to fix like this, maybe I have to think like this ให้เราทำทุกอย่างที่ทำให้เรามีความสุข ให้สร้างความสุขให้คนอื่น แล้วอย่าไปทำอะไรไม่ดีเพื่อที่จะไปแก้แค้นคนอื่น คุณแม่ก็เป็นแบบนั้นเหมือนกัน พอโตขึ้นก็ทำให้ค่อย ๆ ซึมซับหล่อหลอมให้เป็นเราทุกวันนี้ค่ะ”

บนเส้นทางของการประกวดนางงาม แม้ก่อนหน้านี้เธอจะสามารถคว้ารางวัลชนะเลิศจากเวที Miss Supranational 2019 มาได้แล้ว แต่นั่นก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดของเส้นทางสายนี้ เพราะเธอยังคงเลือกมาประกวด Miss Universe ด้วยความตั้งใจที่อยากจะสร้างพลังและเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจให้ผู้หญิงหลาย ๆ คน

 

“การที่แอนมาประกวดใหม่ เพราะว่าเป็น personal journey ของตัวเอง แอนติดตาม MUT มานานมาก แล้วแอนเห็นว่าเวทีนี้มี impact กับผู้หญิงหลาย ๆ คน ทั้งสร้างความมั่นใจและเป็นแรงบันดาลใจ ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือเรา แล้วด้วยความที่ไปประกวดครั้งแรกแอนยังไม่ได้เตรียมพร้อม แอนเลยอยากรู้ว่าถ้าแอนเตรียมพร้อมที่จะประกวดแอนจะไปถึงจุดไหนได้ แต่ว่ามันก็มากับข้อดี ข้อเสีย และแรงกดดันเหมือนกัน คือแอนไม่ได้ให้โอกาสให้ตัวเองแพ้ เพราะว่าเราชนะมงใหญ่มาแล้ว และเราไม่ได้อยากให้คนอื่นมองว่าเวที Miss Supranational ไม่ดีพอ เราจึงต้องผลักดันตัวเองมาก ๆ แต่แอนโชคดีที่มีทีมที่ดีคอยสนับสนุน ผลักดันให้แอนมาถึงวันนี้ได้ และมั่นใจในความสามารถของผู้หญิงคนนี้ เชื่อในสิ่งที่เราเป็น เหมือนเราเป็นครอบครัวเลยค่ะ”

นอกจากนี้แอนโทเนียยังทำกิจกรรมการกุศลภายใต้ โครงการ The Little Step Project ที่เธอเริ่มต้นทำมานานกว่า 11 ปี “แอนเริ่มมาตั้งแต่ ม.5 กับคุณแม่ คือเราไม่ได้ทำเพื่อกระแสหรือไม่ได้ทำเพื่อให้คนอื่นเห็นว่าแอนเป็นคนดีอะไรแบบนั้น แต่ทำเพราะว่ามันสร้างความสุขให้ตัวเอง แอนรู้ว่ามันมี impact ซึ่งอาจจะไม่ได้ยิ่งใหญ่ แต่มันมีการพัฒนาต่อไปได้ในอนาคต และแอนไม่ได้เน้นเฉพาะแค่เด็ก ผู้สูงอายุหรือว่าคนพิการ เพราะแอนเชื่อว่าทุกคนบนโลกนี้ต้องการความช่วยเหลือ คือถ้าใครต้องการความช่วยเหลือก็ติดต่อมาได้ แล้วเราก็จะหาสิ่งที่เขาต้องการให้ โดยใช้แพลตฟอร์มของแอนประกาศให้แฟนคลับ ฟอลโลเวอร์รู้ว่าเราต้องการอะไรแบบไหน หรือว่าถ้าใครอยากไปด้วยกันก็ไปได้ คือแอนพยายามสร้างเป็นคอมมูนิตี้เล็ก ๆ มีทีมที่คอยดูแล และนอกจากการบริจาค แอนก็ยังนำรายได้จากการขายผลิตภัณฑ์กันแดดแบรนด์ Splash ของแอน ทุก 1 ดอลลาร์ ไปทำการกุศลด้วย เพื่อเชื่อมทุกอย่างให้มาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน”

ไม่ว่าจะในบทบาทไหนก็ต้องยอมรับเธอทำได้เป็นอย่างดี เราจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมสาวคนนี้ จึงขึ้นแท่นเป็นต้นแบบในใจของผู้หญิงหลาย ๆ คน แต่ในฐานะของผู้หญิงต้นแบบ เธอกลับมองว่าไม่ใช่แค่ผู้หญิงเท่านั้นที่มีเสน่ห์ แต่มนุษย์ทุกคนต่างก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง

 

“แอนเชื่อว่ามันมากกว่าแค่เสน่ห์ของผู้หญิง แต่ว่าเป็นของมนุษย์คือ personality ที่แท้จริงของตัวเอง การที่เราเป็นตัวของตัวเองจะสร้างความเป็นต้นแบบ ที่ทำให้เราโดดเด่น แล้วดึงดูดผู้คนเข้ามาเอง เป็นเสน่ห์ที่ใครก็ลอกเลียนแบบไม่ได้ แต่เราต้องจำไว้ว่าเราไม่ต้องไปเหมือนคนอื่น ไม่ต้องไปแข่งกับคนอื่น เพราะว่าตัวเราเองนั้นมีความพิเศษมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศไหน ถ้าเราเป็นคนดี ทำสิ่งดี แล้วพลังดี ๆ ก็จะถูกส่งต่อไปถึงทุกคนบนโลกนี้ และถ้าถามถึงผู้หญิงสวยในความคิดแอน แอนเชื่อว่าความสวยมาจากความมั่นใจ และเสน่ห์ของผู้หญิงเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถอธิบายได้ อย่างเช่น ตอนที่เราเห็นคนหนึ่งแล้วเราสัมผัสได้ว่าเขามั่นใจ เขาสวยจากภายใน เขาฉลาด เขามีความคิดเห็นที่แตกต่าง เราจะรู้สึกได้ว่าทันทีว่าสวยขึ้น แล้วจริง ๆ มันไม่เหมือนกันในทุกคน เพราะ beauty is subjective เป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่แอนเชื่อว่าความสวยมันมาจากภายในจริง ๆ”

หลังจากที่เดินอยู่บนเส้นทางของนางงามมาเป็นเวลาพักใหญ่ อีกไม่นานเธอก็จะขยับขึ้นไปอีกขั้นในฐานะของนางงามรุ่นพี่ เธอจึงมีคำแนะนำฝากถึงรุ่นน้องว่า “แอนพูดมาตลอดเวลาว่าการประกวดจะไม่มีความหมาย ถ้าเราไม่ใช้หน้าที่และชื่อเสียงของเราไป impact คนอื่น สายสะพายกับมงกุฏก็คือแค่นั้น ถ้าเราไม่ทำอะไรกับมัน องค์กรเขาไม่ได้จะหาคนเดิม ๆ ตลอดเวลา เขาอยากหาคนที่เป็นตัวของตัวเองมากที่สุด คนที่จะใช้ประโยชน์จากพลังที่ตัวเองมี นำไปเผยแพร่ความตระหนักรู้ หรือมีผลในเชิงบวกให้แก่ผู้อื่น เขาไม่ได้หาแอนโทเนียคนที่ 2 เขาไม่ได้หาแอนนา เสือ คนที่ 2 เขาอยากหาคุณคนแรกที่จะช่วยองค์กร ที่จะช่วยเป็นพลังคนใหม่ในยุคนั้นของคุณ แล้วอยากให้มั่นใจในตัวเอง ทำทุกอย่างด้วยหัวใจของเราแบบ 100% ทำให้มีความสุขในทุกอย่างที่เราทำ เพราะว่าโมเมนต์ ณ เวลานี้จะหายไปเร็วมาก เราต้องทะนุถนอมทุกวินาทีอันมีค่านี้ไว้”

 

และสุดท้ายก่อนที่การพูดคุยจะจบลง เธอยังทิ้งท้ายด้วยคำอวยพรให้กับ นิตยสาร AROUND “Happy 14th Anniversary นะคะ ขอบคุณ AROUND Magazine มากที่ให้แอนเป็นส่วนหนึ่ง และได้มาร่วมงานถ่ายแบบในวันนี้ ขอให้ประสบความสำเร็จยิ่งกว่าเดิม แล้วก็ขอให้สร้างพลังบวกให้กับผู้อ่านหลาย ๆ คนตลอดไปค่ะ” (ยิ้ม)

MODEL: Anntonia Porsild

PHOTOGRAPHER: Ploypat

STYLIST: Organic boy

HAIR STYLIST: songt_makeup

MAKEUP ARTIST: baimaih_makeup

CLOTHES: SORAPOL, Mestyle Museum Hotel, Pracha Rat Bamphen 18, Bangkok www.sorapol.co.uk Tel. 081 992 8922

ACCESSSORIES: Mouawad Bangkok Rare Jewels Manufacturers Co,Ltd. 431 Soi Pradu 1, Charoenkrung Road, Bangkorlaem, Bangkok 10120 Tel. 0 2291 7507-8, 0 2291 8318-9, Facebook Mouawad, Instagram @mouawad www.mouawad.com

LOCATION: InterContinental Bangkok Sukhumvit, an IHG Hotel 10 Soi Sukhumvit 59, Sukhumvit Road, Khlong Tan Nue, Watthana, Bangkok 10110

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด