TOP

พระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ เสด็จแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พลเรือเอก หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์
เสด็จแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล
ณ พระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบรมมหาราชวัง

เมื่อวันที่ ๒๓ เมษายน ๒๕๖๒ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ พล.ร.อ.หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์

เสด็จแทนพระองค์ไปในการพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล
ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พุทธศักราช ๒๕๖๒ ตามเวลาฤกษ์ ๐๘.๑๙ น.- ๑๑.๓๕ น.

เวลา ๐๙.๓๐ น. พล.ร.อ.หม่อมเจ้าปุสาณ สวัสดิวัตน์ ผู้แทนพระองค์ เสด็จโดยรถยนต์พระประเทียบถึงประตูเกยหลังวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวัง
จากนั้นผู้แทนพระองค์เสด็จเข้าพระอุโบสถ ทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการบูชาพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร ทรงกราบ ผู้แทนพระองค์ถวายความเคารพพระราชอาสน์ ประทับพระเก้าอี้

ต่อจากนั้น นายฉัตรชัย ปิ่นเงิน โหรหลวง ผู้จารึกดวงพระบรมราชสมภพ, นายสุนทร วิไล ช่างศิลป์ประจำพระองค์ ผู้แกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล

พร้อมเจ้าพนักงานอาลักษณ์ เข้าไปกราบพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
แล้วหันหน้าสู่พระราชอาสน์ที่ทอดไว้ ถวายบังคม ๓ ครั้ง คำนับผู้แทนพระองค์ แล้วไปนั่งที่โต๊ะจารึกดวงพระบรมราชสมภพ

โต๊ะแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล และโต๊ะจารึกพระสุพรรณบัฏ ตามลำดับ
เจ้าหน้าที่กรมการศาสนาอาราธนาศีล ทรงศีล ประธานสงฆ์ถวายศีลจบ

 

ผู้แทนพระองค์เสด็จไปทรงจุดเทียนทอง เทียนเงิน บนโต๊ะจารึกดวงพระราชสมภพ โต๊ะแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล และโต๊ะจารึกพระสุพรรณบัฏ ตามลำดับ เจ้าพนักงานอาลักษณ์นำสายสิญจน์คล้องคอ เริ่มจารึกพระสุพรรณบัฏ

ขณะที่โหรหลวงจารึกดวงพระบรมราชสมภพ ช่างศิลป์ประจำพระองค์แกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล เจ้าพนักงานอาลักษณ์จารึกพระสุพรรณบัฏ พระสงฆ์ ๑๐ รูปเจริญชัยมงคลคาถา
โหรหลวงลั่นฆ้องชัย พราหมณ์เป่าสังข์ ภูษามาลาแกว่งบัณเฑาะว์ ชาวพนักงานประโคมสังข์ แตร ดุริยางค์

 

โหรหลวงจารึกดวงพระบรมราชสมภพ ช่างศิลป์ประจำพระองค์แกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล เจ้าพนักงานอาลักษณ์จารึกพระสุพรรณบัฏ เสร็จเรียบร้อยแล้ว

นำสายสิญจน์คล้องคอออกพระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ ถวายน้ำเทพมนตร์ เจิมดวงพระบรมราชสมภพ พระราชลัญจกรประจำรัชกาลและพระสุพรรณบัฏเสร็จแล้ว
โหรหลวงพับแผ่นดวงพระราชสมภพ พันด้วยไหมเบญจพรรณ และเจ้าพนักงานอาลักษณ์เชิญพระสุพรรณบัฏห่อผ้าแพรแดง ช่างศิลป์ประจำพระองค์ ผู้แกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล
บรรจุพระราชลัญจกรประจำรัชกาลลงในถุงแพรแดง แล้วเชิญดวงพระบรมราชสมภพ พระราชลัญจกรประจำรัชกาล และพานพระสุพรรณบัฏไปวางไว้ที่ธรรมาสน์ศิลา เรียบร้อยแล้ว

 

โหรหลวงจารึกดวงพระบรมราชสมภพ ช่างศิลป์ประจำพระองค์ แกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาล เจ้าพนักงานอาลักษณ์จารึกพระสุพรรณบัฏ เข้าไปกราบพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร
ถวายบังคมพระราชอาสน์ ๓ ครั้ง และคำนับผู้แทนพระองค์ แล้วไปนั่งเก้าอี้ที่จัดไว้ พระสงฆ์ ๑๐ รูป ถวายพรพระจบ

ผู้แทนพระองค์เสด็จไปทรงประเคนสำรับภัตตาหารแด่พระสงฆ์ ๑๐ รูป เมื่อพระสงฆ์รับพระราชทานฉันเสร็จแล้ว ผู้แทนพระองค์เสด็จไปทรงประเคนจตุปัจจัยไทยธรรมแด่พระสงฆ์ ประทับพระเก้าอี้ ณ ที่เดิม
ทรงกรวดน้ำ พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ออกจากพระอุโบสถ

เจ้าพนักงานตั้งบายศรีแก้ว ทอง เงิน พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภช ข้าราชการรับแว่นเวียนเทียนสมโภชดวงพระบรมราชสมภพ พระราชลัญจกรประจำรัชกาล และพระสุพรรณบัฏ ครบ ๓ รอบแล้ว
พระมหาราชครูพิธีศรีวิสุทธิคุณ ประธานพระครูพราหมณ์ เจิมดวงพระบรมราชสมภพ พระราชลัญจกรประจำรัชกาลและพระสุพรรณบัฏ ที่ประดิษฐานบนธรรมาสน์ศิลา
ผู้แทนพระองค์เสด็จไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการ ผู้แทนพระองค์ถวายความเคารพพระราชอาสน์เสด็จกลับ

 

ทั้งนี้พระสุพรรณบัฏจารึกพระปรมาภิไธย แผ่นดวงพระราชสภพ และพระราชลัญจกรประจำรัชกาล จะประดิษฐานบนธรรมาสน์ศิลา ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม
จนกว่าจะถึงพระฤกษ์ประกาศพระราชพิธีบรมราชาภิเษกจึงจะเชิญพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ พระราชลัญจกร จากวัดพระศรีรัตนศาสดารามไปยังพระที่นั่งไพศาลทักษิณ พระบรมมหาราชวัง
เพื่อทูลเกล้าฯถวายแด่สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

 

ชมภาพจากวิดิโอ

สิ่งที่ควรรู้เพิ่มเติม

ใครที่พลาดการรับชม พระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และแกะพระราชลัญจกรประจำรัชกาลในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562  ตามวันและเวลาที่ได้กล่าวไปแล้วนั้น ซึ่งนับเป็นวันแห่งประวัติศาสตร์ของปวงชนชาวไทย ที่ได้มีโอกาสรับชมพระราชพิธีสำคัญ การแกะตราพระราชลัญจกรประจำรัชกาลนั้น เมื่อมีการเสด็จขึ้นครองราชสมบัติของพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่จำเป็นที่จะต้องมีการเฉลิมพระปรมาภิไธยของพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ ซึ่งจะต้องมีขั้นตอนของการจารึกพระนามลงแผ่นพระสุพรรณบัฏ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก ในการนี้จะมีการจารึกดวงพระราชสมภพลงในแผ่นทองคำบรรจุด้วยพร้อมกัน รวมถึงมีการแกะสลักตราพระราชลัญจกรประจำรัชกาลใหม่เพื่อใช้ประทับลงในเอกสารสำคัญต่างๆ ในราชการแผ่นดินอีกด้วย
.
ขั้นตอน 
ขั้นตอนของการจารึกพระนามลงในพระสุพรรณบัฏ เริ่มจากโหรให้พระฤกษ์สำหรับวันประกอบพระราชพิธี ปรากฏในพระราชนิพนธ์เรื่อง ยอพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๒ ซึ่งเป็นพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ เมื่อครั้งทรงดำรงพระอิสริยยศพระเจ้าลูกยาเธอ กรมหมื่นเจษฎาบดินทร์ ระบุขั้นตอนดังกล่าว ความว่า
.
“หายามไชยโชกได้ ดฤดถี
ชุมหมู่มุขมนตรี ทั่วหน้า
ยังอุโบศถ์ศรี สรรเพชร แลแฮ
อาลักษณนุ่งห่มผ้า เสวตรไหว้พุทธคุณ ฯ
พระโหรลั่นฆ้องฤกษ ศรีสวัสดิ์
จารึกพระนามขัต ติยเชื้อ
ในแผ่นสุพรรณบัตร สิ้นเสรจ์ แล้วเฮย
ใส่หีบคำเก้าเนื้อ แห่เข้าวังสนานฯ”
.
สถานที่
การจารึกพระนามในพระสุพรรณบัฏ กระทำขึ้นในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ แม้จะไม่ปรากฏสถานที่เด่นชัด แต่สันนิษฐานว่าประกอบพระราชพิธีสมโภชพระสุพรรณบัฏ ภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งอาลักษณ์ผู้ทำหน้าที่จารึกพระนามจะต้องแต่งกายนุ่งห่มด้วยสีขาว บูชาพระรัตนตรัยในพิธีด้วย เมื่อเสร็จพระราชพิธีในส่วนนี้ จะมีการเชิญพระสุพรรณบัฏใส่หีบทองคำแล้วแห่เข้าพระบรมมหาราชวัง เพื่อเตรียมถวายองค์พระมหากษัตริย์ในวันประกอบพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
.
สำหรับการจารึกพระนามในพระสุพรณบัฏ สมัยรัชกาลที่ ๑ ถึงรัชกาลที่ ๓ ใช้พระนามเดียวกันด้วยการขึ้นต้นว่า “สมเด็จพระบรมราชาธิราชรามาธิบดี” และมีสร้อยพระนามเหมือนกันทั้ง ๓ รัชกาล แต่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ โปรดให้แก้พระนามอดีตพระมหากษัตริย์ทั้ง ๓ พระองค์โดยให้เรียกตามนามพระพุทธรูปที่รัชกาลที่ ๓ ทรงพระราชอุทิศ รัชกาลที่ ๑ ให้เรียกว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ ๒ ให้เรียกว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ ๓ ให้เรียกว่า พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว และเรียกแผ่นดินของพระองค์ว่า พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ซึ่งเป็นการเปลี่ยนธรรมเนียมการจารึกพระนามของพระมหากษัตริย์ให้มีพระนามต่างกันในแต่ละรัชกาลนับแต่นั้นเป็นต้นมา
.
การจารึกดวงพระชะตา
นอกจากการจารึกพระนามในพระสุพรรณบัฏ ยังมีการจารึกดวงพระชะตา เช่นที่ปรากฏในหมายรับสั่งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อปี พ.ศ.๒๔๑๑ ดังนี้
.
“ขุนโชติพรหมาได้จารึกดวงพระชันษา นายราชสารได้จารึกพระนามลงในแผ่นพระสุพรรณบัฏทองคำ เนื้อแปดเศษสอง ดวงพระชันษา กว้าง ๑๐ นิ้ว ยาว ๑๐ นิ้ว หนัก ๒ ตำลึง ดวงพระนามกว้าง ๗ นิ้ว ยาว ๑๔ นิ้ว หนัก ๒ ตำลึง พระมหาราชครูจุณเจิมแล้ว พันด้วยไหมเบญจพรรณ บรรจุไว้ในพระกล่องทองคำ จำหลักลายกุดั่น แล้วเชิญลงในหีบถมยาดำตะทอง มีถุงเข้มขาบนอก ตีตราประจำเล็บ เชิญขึ้นไว้บนพานทองสองชั้นสำรับใหญ่ ปิดคลุม ปักเลื่อม ข้าทูลละอองธุลีพระบาทผู้ใหญ่ผู้น้อยพร้อมกันสมโภชเวียนเทียน มีบายศรีแก้ว ๑ บายศรีทอง ๑ บายศรีเงิน ๑ บายศรีตอง ๒ สำรับ ศีร์ษะสุกร ๒ ศีร์ษะ เครื่องกระยาบวชพร้อม สรรพด้วยแตรสังข์มโหรีปี่พาทย์กลองแขกฆ้องชัย พระมหาราชครูเป่าพระมหาสังข์ทักษิณาวัฏ พระมหาสังข์อุตราวัฏ สมโภชเสร็จแล้วเชิญไปประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม”
.
ข้อความดังกล่าวทำให้ทราบขั้นตอนแต่พอสังเขป ภายหลังจากที่โหรให้พระฤกษ์จึงเริ่มการพระราชพิธีจารึกพระนาม และดวงพระชะตาลงในพระสุพรรณบัฏ เมื่อเสร็จแล้วเจ้าพนักงานจะเชิญแผ่นพระสุพรรณบัฎลงกล่องทองคำ ซึ่งจะบรรจุในถุงผ้าอีกชั้นหนึ่งพร้อมทั้งตีตราผนึกไว้ประดิษฐานไว้ในพานทอง หลังจากนั้นจึงเป็นการเวียนเทียนสมโภช โดยมีการตั้งเครื่องบูชาเทวดาและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ด้วยบายศรี และเครื่องพลีกรรมทั้งปวง ระหว่างการเวียนเทียนสมโภชจะมีการประโคมมโหรีปี่พาทย์ ตีฆ้องชัย พราหมณ์เป่าพระมหาสังข์ประกอบการพระราชพิธี เสร็จแล้วจึงอัญเชิญพานพระสุพรรณบัฏ ไปประดิษฐานภายในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อรออัญเชิญไปเป็นเครื่องประกอบพระราชอิสริยยศ ในพระราชพิธีบรมราชาภิเษกเมื่อถึงวันพระฤกษ์จริง
.
รายละเอียดปลีกย่อยที่แตกต่างในบางรัชสมัย
สำหรับการจารึกพระสุพรรณบัฏ อาจมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างออกไปในบางรัชสมัย ขึ้นอยู่กับความเหมาะสม เช่น เมื่อครั้งพระราชพิธีบรมราชาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ ๙ มีการประกอบพระราชพิธีในพระอุโบสถวัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยเริ่มสวดพระพุทธมนต์ตั้งศาลบูชาเทวดา และตั้งเครื่องบัตรพลีเช่นที่เคยปฏิบัติมาตั้งแต่วันที่ ๒๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๓ ส่วนวันประกอบพระราชพิธีจริงเริ่มในวันที่ ๒๓ เมษายน พ.ศ.๒๔๙๓ พระราชพิธีในคราวนั้นนอกเหนือจากการจารึกพระนามในพระสุพรรณบัฏ ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกร ยังมีการจารึกพระนามสมเด็จพระสังฆราช จารึกพระสุพรรณบัฏพระนามพระบรมวงศ์เธอ กรมพระชัยนาทนเรนทร พระสุพรรณบัฏพระนามพระวรวงศ์เธอ กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร พระสุพรรณบัฎพระนามพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวิวัฒนไชย และพระสุพรรณบัฏพระนามพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้านักขัตมงคล ซึ่งมีการประกอบพระราชพิธีพร้อมกันในคราวเดียว
.
วันประกอบพระราชพิธี
ในวันประกอบพระราชพิธี โต๊ะที่ใช้ประกอบพระราชพิธีจารึกพระสุพรรณบัฏทุกโต๊ะ จะมีเทียนเงินเทียนทองกับพานดอกไม้ตั้งอยู่ ทุกโต๊ะจะหันไปทางทิศอาคเนย์ (ตะวันออกเฉียงใต้) อันเป็นทิศที่เป็นมงคล ส่วนเครื่องประกอบพระราชพิธีในพระอุโบสถมีการตั้งโต๊ะบายศรีตอง ๓ ชั้น มีกล้วยน้ำ หัวหมู สำหรับบูชาพระฤกษ์ และเมื่อได้พระฤกษ์องค์ประธานจุดเทียนทุกโต๊ะ โหรลั่นฆ้องชัย พระสงฆ์เจริญชัยมงคลคาถา เจ้าพนักงานไกวบัณเฑาะว์ ประโคมดนตรีตลอดระยะเวลาที่จารึก เมื่อจารึกพระปรมาภิไธย ดวงพระบรมราชสมภพ และพระราชลัญจกร เสร็จแล้ว พระราชครูวามเทพมุนี (สวาสดิ์ รังสิพราหมณกุล) หลั่งน้ำสังข์ที่พระสุพรรณบัฏ ดวงพระราชสมภพ พระราชลัญจกร และพระสุพรรณบัฏของสมเด็จพระสังฆราชและเจ้านายพระองค์อื่น จากนั้นสอดใบมะตูม ๑ กิ่ง มี ๓ ใบ แล้วจัดเตรียมให้พราหมณ์เบิกแว่นเวียนเทียนสมโภช ๓ รอบ เป็นอันเสร็จพิธี เพื่อเตรียมแห่เข้าร่วมพระราชพิธีบรมราชาภิเษกในพระที่นั่งไพศาลทักษิณ
—————+—————.

 

Info and Photo Credit: https://phralan.in.th

VDO Credit: โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย

 

 

 

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด