สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ใน 'อิบิซา'

สัมผัสประสบการณ์ท่องเที่ยวแบบสโลว์ไลฟ์ใน ‘อิบิซา’

May 26, 2024

149

“Ibiza” ขึ้นชื่อว่าเป็นเกาะแห่งการปาร์ตี้ในตำนาน แต่ด้วยไลฟ์สไตล์และความกลัวโควิดอย่างต่อเนื่องมาหลายปีของเรา ทำให้การมาเที่ยวเกาะอิบิซาครั้งนี้ กลายเป็นทริปพักผ่อน ออกกำลังกาย ดำน้ำ เดินเล่นหาอะไรอร่อย ๆ รับประทาน

ทริปนี้เป็นการเดินทางจาก เมือง Pisa ประเทศอิตาลี (เมื่อเดือนสิงหาคม 2023) โดยใช้เวลาบินตรงเพียง 1 ชั่วโมง 45 นาที ที่เลือกมาเกาะนี้เพราะมีไฟลต์บินตรงหลายเส้นทางในเมืองหลัก เดินทางกลับไทยสะดวก และเกาะนี้ก็อยู่ใน Bucket List ที่ต้องมาในช่วงฤดูร้อนของยุโรปสักครั้ง เพื่อนที่เคยมาเล่าเป็นเสียงเดียวกันว่า ติดใจไม่หาย แดนซ์จนโต้รุ่งทุกวัน เรามาพักที่ Six Senses Ibiza (ใช้เวลาขับรถ 40 นาทีจากสนามบิน) ก่อนจองโรงแรมได้เข้าไปอ่านรีวิว มีคอมเมนต์ค่อนข้างหลากหลาย ทีแรกก็ไม่มั่นใจ แต่พอได้มาพัก บอกเลยว่าสวยทุกมุม ทั้งตัวอาคารภายนอก การตกแต่งภายใน พื้นที่ส่วนกลาง สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ร้านอาหาร รวมถึงการบริการที่ดีเกินคาด

ห้องพักเป็น Sea View Premium (Room 257) ที่เปิดโล่งมีสไตล์ บนชั้นหนึ่งของ Studio Wing ภายในห้องตกแต่งโทนขาวน้ำตาล ดูอบอุ่นสบาย แต่ทันสมัย พื้นที่นั่งเล่น ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ แยกเป็นสัดส่วน ระเบียงขนาดใหญ่ พร้อมอ่างอาบน้ำ และโซฟากลางแจ้ง สามารถนอนฟังเสียงคลื่น มองวิวทะเลแบบพาโนรามาตั้งแต่พระอาทิตย์ขึ้นจนพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า

ห้องพักที่จองมาเป็นแบบรวมอาหารเช้าแบบบุฟเฟต์ เมนูที่มีทั้งแบบจานร้อนสั่งแล้วทำเสิร์ฟทีละจาน จะเป็นเมนูไข่ต่าง ๆ แพนเค้ก วาฟเฟิล ส่วนน้ำผักผลไม้ กาแฟ ก็จะทำทีละแก้วตามออเดอร์ ของที่วางให้เลือกตักได้จะเป็นขนมปัง ผลไม้ ชีส น้ำผึ้ง ซีเรียล ขนม Vegan ต่าง ๆ แถมยังมีห้องเย็นเสิร์ฟ Cold Cuts หลากหลายชนิด กว่ารับประทานข้าวเช้าเสร็จก็เกือบเที่ยงเพราะตื่นสาย ไหน ๆ ก็ได้มาเที่ยวทะเลเมดิเตอร์เรเนียนตอนหน้าร้อน เลยจองทริปดำน้ำหนึ่งวัน (Scuba Diving) ตอนเปิดดูในเว็บไซต์มีหลายที่ดูน่าสนใจ แต่ต้องนั่งเรือออกไปค่อนข้างไกล แป๋มเลยเลือกไปดู The “Blue Holes” เพราะขับรถ 5 นาทีจากโรงแรมถึง Dive Center แล้วนั่งเรือออกจากฝั่งประมาณ 40 นาที ก็ถึงจุดลงน้ำ ใต้น้ำเป็นแนวปะการังยาว ดำเลาะไปจนถึงโขดหินที่มีรูเล็กใหญ่กระจายอยู่เหมือนก้อนชีสขนาดยักษ์ เราต้องดำผ่านโค้งเล็ก ๆ ไปจนถึงอุโมงค์ใต้น้ำ มองไปจะเห็นเป็นวงกลมสีน้ำเงิน ทะเลตรงนี้ความลึกประมาณ 5 – 12 เมตร คนที่ดำแบบ Free Dive ก็สามารถลงไปได้ค่ะ

แม้เกาะอิบิซาจะเป็นแหล่งรวม Night Club ขึ้นชื่อระดับโลกแล้ว แต่ก็ยังคงมีวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ในสถานที่ต่าง ๆ ให้เราได้ไปเยี่ยมชม เช่น Dalt Vila อยู่ใจกลาง Ibiza’s Old Town แหล่งมรดกโลกที่ได้รับการขึ้นทะเบียนโดยองค์การยูเนสโก มี Cathedral of Santa Maria อาสนวิหารเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ตั้งอยู่ด้านบนของพื้นที่ที่มีป้อมปราการภายในกำแพงเมือง กับจุดชมวิวที่สวยงามเกินคำบรรยาย (ตอนที่ไปไม่สามารถเข้าไปในวิหารได้ เนื่องจากปิดปรับปรุงชั่วคราว) และในทุกวันอาทิตย์จะมี ตลาดนัด Hippie Market ที่หมู่บ้าน Santa Eulalia del Rio ขายเสื้อผ้าเครื่องประดับ ของที่ระลึก งานฝีมือจากคนท้องถิ่น (Hippie Market มีหลายที่ ใกล้ตรงไหนไปที่นั่น)

มาถึงโซนอาหารขอแนะนำ ร้าน “The Beach Caves” ในโรงแรม Six Senses Ibiza เป็นอาหารละตินอเมริกาที่ปรุงเสิร์ฟแบบเรียบง่าย เน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่นสดใหม่ตามฤดูกาล เมนูไม่เยอะ แต่อร่อยทุกจาน แขกทั้งในและนอกโรงแรมควรจองโต๊ะตรงเทอเรสล่วงหน้าช่วง 18.30 น. เพื่อรอดูพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่สวยงามมาก ๆ ในร้านจะมีดีเจมาสปินแผ่น แขกบางท่านก็ถือเครื่องดื่มไปแด๊นซ์หน้าเวที

“Restaurante Port Balansat” ร้านอาหารติดทะเล ห่างจากโรงแรมประมาณ 20 นาที มีเพื่อนแนะนำให้มารับประทานข้าวผัดสเปน (Paella) กับปลาทะเลสด ๆ ย่างที่นี่ แต่ห้ามสั่งแบบวู่วามเพราะอาหารจานใหญ่มาก เราสั่งแค่ Seafood Paella, Grilled Dover Sole กับขนมหวาน แบ่งกันสองคน อิ่มกำลังดี นอกจากสดอร่อยแล้ว ราคายังเป็นมิตรอีกด้วย “Restaurante Hambre” ร้านอาหารเมดิเตอร์เรเนียน แบบ Farm to Table ที่เชฟจะไปจ่ายตลาดเองทุกเช้า เลือกวัตถุดิบสดใหม่มาทำเมนูในแต่ละวัน เช่น หอยไม้ไผ่ (Razor Clams), หมูสเปน (Iberico Pork), ครีบปลากระเบนสด (Eihire) ในร้านยังมี Natural Wine หลายชนิดให้เลือกสั่งรับประทานกับอาหารอีกด้วย

ปิดท้ายด้วยร้านติดดาวหนึ่งในสองร้านบนเกาะนี้ “La Gaia by Oscar Molina” (1 Star MICHELIN Restaurant) ในโรงแรม Ibiza Gran Hotel เสิร์ฟเป็นอาหาร Mediterranean Kaiseki ที่เน้นใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่คัดสรรอย่างดี ผสมผสานเทคนิคการปรุงรสแบบทันสมัย โดยเชฟ Oscar Molina อาหารโดยรวมมีความสวยงาม ประณีต น่าสนใจแต่ไม่ถึงกับประทับใจค่ะ