TOP

เผยโฉม ‘Mido Bugatti’ มรดกแห่งโลกของนาฬิกา ที่ได้รับการประมูลในราคากว่า 10 ล้านบาท

เมื่อไม่นานมานี้ บริษัทประมูล Stanislas Machoir ได้นำ นาฬิกา Mido เรือนส่วนตัวของ ‘เอตอเร่ บูกัตติ’ มาจัดประมูล จนได้ราคาสูงถึง 272,800 ยูโร หรือราว 10,261,625 บาท ภาพนาฬิการุ่นคลาสิกนี้ พร้อมรถยนต์คลาสสิก อยู่ในเอกสารประกอบการประมูลที่เกิดขึ้นเมื่อ วันที่ 17 เมษายนที่ผ่านมา ณ เมืองตูลูส ประเทศฝรั่งเศส

ซึ่ง นาฬิกา “Mido Bugatti” แสนพิเศษเรือนนี้ สะท้อนภาพความเป็นเลิศด้านการผลิตนาฬิกาของ Mido ที่มีมาตั้งแต่หนึ่งร้อยปีก่อน และนี่ถือเป็นอีกครั้งที่แบรนด์ได้สร้างประวัติศาสตร์แห่งวงการประมูลขึ้นมา ด้วยนาฬิกาเรือนสำคัญที่ถือว่าเป็น “มรดกแห่งโลกของนาฬิกาอย่างแท้จริง”

 

เจ้าของลิขสิทธิ์ตัวเรือนรูปกระจังหน้ารถ

ในช่วงปี ค.ศ. 1926 – 1932 เอตอเร่ บูกัตติ ได้สั่งผลิตนาฬิกาไขลานรุ่นพิเศษขึ้น 4 รุ่น กับ Mido เป็นทรง “กระจังหน้ารถ” โดยทำจากทองและเงิน รูปทรงของตัวเรือนเหล่านี้ เหมือนกระจังหน้ารถแบรนด์ Bugatti ทุกกระเบียด ถือเป็นครั้งแรกของการผลิตนาฬิกา ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากส่วนประกอบของรถยนต์ และจัดเป็นลิขสิทธิ์ของ Mido โดยเฉพาะ จากนั้นบูกัตติ ผู้ก่อตั้งโรงงานผลิตรถยนต์ในตำนาน ได้นำนาฬิการุ่นนี้ไปมอบให้คนในครอบครัว เพื่อน รวมถึงช่าง และนักขับรถของแบรนด์ ผู้คู่ควรกับความพิเศษนี้ โดยบูกัตติสั่งทำนาฬิกาจำนวนจำกัด มีไม่ถึง 100 เรือน ซึ่งในจำนวนนี้ เอตอเร่ บูกัตติ ครอบครองเรือนสีทองสุดหรูไว้เอง

จากความสำเร็จของนาฬิการุ่น Bugatti นี้ ในปี ค.ศ. 1925 – 1926 Mido จึงได้รังสรรค์ตัวเรือนรูปทรงกระจังหน้ารถของแบรนด์รถยนต์ชั้นนำอีกหลายรุ่น อาทิ อัลฟ่าโรมิโอ (Alfa Romeo), บิวอิค (Buick), เชฟโรเล็ต (Chevrolet), ไครสเลอร์ (Chrysler) และโรลส์รอยซ์ (Rolls-Royce) โดยหน้าปัดของทั้งนาฬิกาข้อมือ นาฬิกาตั้งโต๊ะ และนาฬิกาพกเหล่านี้ เป็นที่รู้จักในนาม “Montres de l’Automobilste” หรือนาฬิกาของคนใช้รถยนต์ตัวจริง ซึ่งรูปทรงของตัวเรือนล้วนได้รับแรงบันดาลใจมาจากกระจังหน้ารถของแต่ละแบรนด์ อันมีเสน่ห์เฉพาะตัวแตกต่างกันไป

 

ครองความเป็นเลิศมานานกว่าศตวรรษ

นับตั้งแต่ก่อตั้งแบรนด์ เมื่อปี ค.ศ. 1918 Mido ก็สร้างประวัติศาสตร์แห่งวงการนาฬิกาขึ้นมาทันที Mido มีทั้งงานดีไซน์ที่อยู่เหนือกาลเวลา ใช้วัสดุคุณภาพสูงในทุกองค์ประกอบ และยังมีการสร้างสรรค์นวัตกรรมขึ้นมาใช้อีกด้วย จนกระทั่งปลายทศวรรษ 1920 “Montres de l’Automobilste” ดังกล่าว ก็แสดงให้เห็นถึงผลงานที่หรูหรางามสง่า กลไกต่างๆ แข็งแรงคงทนใช้งานได้ในทุกโอกาส และทุกสถานการณ์อย่างแท้จริง เมื่อถึงช่วงทศวรรษที่ 1930 Mido ก็สร้างชื่อเสียงในอีกมุม ด้วยการทำนาฬิกากันน้ำ โดยใช้ระบบและกลไกที่คิดค้นขึ้นเอง นั่นก็คือการปิดซีลเม็ดมะยม ซึ่งภายหลังได้มีการตั้งชื่อกลไกนี้ขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1959 ว่า “Aquadura” จากภาพลักษณ์ที่เป็นผู้เชี่ยวชาญตัวจริงนี้เอง ทำให้นักสะสมหมายปองและตามหานาฬิกาของยุคนั้น ทั้งคอลเลกชัน Mido Bugatti ที่หากมีการประมูลครั้งใด ก็สร้างมูลค่าได้ 5 – 6 หลักเสมอ รวมไปถึงรุ่น Ocean Star Decompression Timer จากยุค 1960 ด้วย

 

แรงบันดาลใจจากอดีต ผสานเทคโนโลยีที่ดีที่สุด

ปัจจุบัน Mido ยังคงรักษาจุดแข็งไปพร้อมๆ กับการคิดค้น และพัฒนานาฬิการุ่นวินเทจต่างๆ โดยยกระดับคุณภาพด้วยวัสดุ และเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเสมอ และที่สำคัญ Mido เพิ่งเปิดตัวนาฬิกาใหม่อีกหลายเรือน ที่มีเสน่ห์สไตล์วินเทจอยู่เต็มเปี่ยม อย่าง “Multifort Patrimony Chronograph” ที่หยิบยกหนึ่งในคอลเลกชันที่เก่าแก่ที่สุดของแบรนด์ เมื่อปี ค.ศ. 1937 มานำเสนอใหม่ นั่นก็คือ รุ่น Multifort Multichrono รวมถึง คอลเลกชัน “Ocean Star Tribute” นาฬิกาสำหรับกิจกรรมโต้คลื่นในอดีต ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนาฬิกาดำน้ำยุค 60s และทำขึ้นเพื่ออุทิศแด่โลกแห่งท้องทะเล ซึ่งนี่คือการตอกย้ำด้วยว่า Mido เป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องระบบกันน้ำ ที่ริเริ่มมาตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1930

 

เกี่ยวกับ Mido

“จอร์จ แชเรน” (Georges Schaeren) ก่อตั้งแบรนด์ Mido ขึ้นเมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ค.ศ. 1918 ซึ่งเป็นวันสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 1 และนับตั้งแต่วันสำคัญนั้นเป็นต้นมา Mido ก็ไม่เคยหยุดการก้าวสู่อนาคตอย่างมั่นใจ โดยมีวิสัยทัศน์อันทรงพลังของผู้ก่อตั้งนำทาง เมื่อปี ค.ศ. 2018 Mido เฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 100 ปี ด้วยการสานต่อเส้นทางที่ จอร์จ แชเรน สร้างไว้ รวมถึงเน้นย้ำคุณค่าใน DNA ของ Mido ที่มีมานานถึงหนึ่งศตวรรษเต็ม ไม่ว่าจะเป็นงานดีไซน์เหนือกาลเวลา วัสดุชั้นเลิศ และนวัตกรรมที่ดีที่สุด ปัจจุบัน สำนักงานใหญ่ของ Mido อยู่ที่เมืองเลอล็อก (Le Locle) ณ เทือกเขาจูรา ส่วน ชื่อแบรนด์ “Mido” นั้นมาจากคำว่า “Yo mido” ในภาษาสเปนที่แปลว่า “I Measure หรือฉันวัด” 

 

นับตั้งแต่กำเนิดแบรนด์เป็นต้นมา ปรัชญาและปณิธานของ Mido ก็ยังคงผสมผสานนวัตกรรม ศิลปะความงาม และประโยชน์ใช้สอยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว คุณค่าเหล่านี้ปรากฎอยู่ในงานสถาปัตยกรรมเด่นๆ มากมาย ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้คอลเลกชันต่างๆ ของ Mido ด้วย นอกจากนี้ แบรนด์ยังมีอีก 3 ความเชี่ยวชาญหลัก ที่ทำให้ Mido โดดเด่นเหนือใคร นั่นคือเทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุด กลไกนาฬิกาแบบอัตโนมัติ และวัสดุคุณภาพสูง รวมไปถึงความพิถีพิถันกับงานดีไซน์เรียบหรูของนาฬิกา Mido ก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ทุกผลงานของ Mido ยืนหนึ่งเรื่องคุณภาพเสมอมา ทั้งหมดทั้งมวลนี้เอง ที่ทำให้นาฬิกา Mido อยู่เหนือแฟชั่นและก้าวไกลกว่าทุกเทรนด์มาได้อย่างมั่นคงจนถึงวันนี้ เป็นเวลาหนึ่งศตวรรษเต็มแล้ว ที่ Mido คือผู้ผลิตนาฬิกาจากสวิสเซอร์แลนด์ ที่ได้มาตรฐานระดับโลก จนปัจจุบันมีตัวแทนจำหน่ายถึง 2,700 ราย ใน 70 ประเทศทั่วโลก และเป็นแบรนด์ในเครือบริษัท Swatch Group ผู้นำด้านธุรกิจนาฬิการายสำคัญของโลกด้วย www.midowatches.com

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด