TOP

“ข้าวเหนียวมะม่วง” และ “ทับทิมกรอบ” ติดโผ CNN ยกระดับขนมหวานไทยสู่สากล ติดลิสต์ 2 ใน 50 สุดยอดขนมอร่อยจากทั่วโลก

อะเมซิ่ง ไทยเท่…”เที่ยวเมืองไทย สวยทุกที่ เท่ทุกเวลา” นอกจากสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติสวยๆ ทั่วไทย เรื่องอาหารการกินและขนมหวานก็ไม่แพ้ชาติใดในโลกเช่นกัน เมื่อสำนักข่าว CNN จัดรวมลิสต์ที่สุดขนมหวานจานอร่อยจากทั่วโลก โดยนักเขียนมือทองทางด้านท่องเที่ยว ที่เป็นทั้งผู้สื่อข่าว นักเดินทางตัวยง และนักชิมระดับลิ้นติดโปร “เจ็น โรส สมิทธ” (Jen Rose Smith) เธอฝากฝีไม้ลายมือกับผลงานบทความมากมายทั้งใน CNN, CNN Travel, National Geographic Adventure, Boston.com, Lonely Planet, Roling Stone, Expansion (Mexico), Atlas Obscura, WKMG-TV (Orlando,FL), Fodor’s Travel, AFAR, USA Today, and Outside Online รวมถึงผลงานหนังสือท่องเที่ยวจากประสบการณ์ตรงที่ได้เดินทาง อาทิ Moon Maine, Vermont & New Hampshire, Moon New England, New England Road Trip, Moon Vermont,Glutton Guide Burlington: The Hungry Traveler’s Guidebook, และเธอยังได้รับคัดเลือกให้เป็นนักเขียนหญิงยอดเยี่ยม (The Best Women’s Travel Writing) จากผลงานการเขียน เรื่องThe Kiwi Hunt อีกด้วย

 

เธอได้ทุ่มเทออกตระเวนเดินทางกว้านชิมเมนูของหวานไปทั่วโลก ด้วยต้องการรวบรวมเมนูขนมหวานที่ไม่ใช่เพียงความอร่อยแต่ยังเปี่ยมไปด้วยคุณค่ารอบด้านวัฒนธรรมการกินซิกเนเจอร์แต่ละประเทศ ในที่สุดก็ได้ 50 เมนูเดอะเบสของหวานจานอร่อยจากทั่วโลก และแน่นอนว่าราชินีของหวานอย่าง “ข้าวเหนียวมะม่วง” ที่ถูกปากคนทั่วโลกอยู่แล้ว ก็ยังคงครองตำแหน่งเป็นหนึ่งในเมนูสุดยอดความอร่อยจาก 50 ลิสต์ของมิส “เจ็น โรส สมิทธ” อีกด้วย  อีกเมนูที่ไม่ว่าชาติไหนมาไทยได้ลิ้มลอง “ทับทิมกรอบ” ขนมหวานสีสันสวยสด เนื้อกรุบกรอบในน้ำกะทิหอมหวานมัน กินกันกับน้ำแข็งเกล็ดเย็นชื่นใจ ไม่ต้องสงสัยว่าทำไมใครต่อใครเมื่อได้ลิ้มชิมรสชาติเป็นต้องหลงใหลจนถอดตัวไม่ขึ้น กลายเป็นอีกเมนูขนมหวานไทยชนะใจเธอไปอีกเมนู ในขณะที่แถบเอเชีย ขนมหวานเมนูที่ติดอันดับยังได้แก่ ลอดช่องเซนดอล (Cendol) ของสิงคโปร์, ทาร์ตไข่ของฮ่องกง, คุลฟี(Kulfi) ของอินเดีย และงาทอดไส้ไหลของจีนแผ่นดินใหญ่

 

มิสเจ็น โรส สมิทธ ยังกล่าวอีกว่า “ถ้าลองหันไปถามคนข้างๆ ให้บอกเมนูสุดโปรดมาสักหนึ่งอย่าง ดูสิว่าเมนูของเขาคืออะไร พนันกันได้เลยว่าคำตอบของเขาต้องแตกต่างจากของเราแน่นอน! เพราะเมนูโปรดของแต่ละคนอาจมีที่มาของเรื่องราวความชอบต่างกันออกไป บางคนอาจมีความทรงจำเกี่ยวกับขนมในวัยเด็ก ไปจนถึงขนมสูตรคุณยาย โดยเฉพาะของหวานบางเมนูยังถือเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมประเพณี ขนมบางเมนูอย่าง “ทีรามิสุ” สัญชาติอิตาลี หรือ “ทาร์ตไข่” ของฮ่องกง กลับพบว่าถูกใจถูกปากคนส่วนใหญ่ ถูกโหวตให้เป็นขนมยอดนิยมมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ขนมหวาน ถือได้ว่าเป็นอีกศาสตร์และศิลป์ผสมผสานของการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม เช่น “ทาร์ตไข่” เป็นเมนูที่เกิดมาในยุคการสำรวจของชาวโปรตุเกส และนี้คือประสบการณ์กว่า 9 ปีที่ มิสเจ็น โรส สมิทธ ได้ใช้เวลาอันยาวนานออกเดินทางไปแสวงหารสชาติแปลกใหม่จากทั่วทุกมุมโลก จากการได้พูดคุยกับเชฟเฉพาะทางขนม จัดรวบรวมออกมาเป็นลิสต์ที่สุดของความอร่อยในโลก เปี่ยมคุณภาพตามแบบฉบับของ CNN” มาดูกันเลย

 

-1-

ข้าวเหนียวมะม่วง (Sticky Rice with Mango), ไทย

Photo Credit: Shutterstock

ขนมหวานไทยยอดนิยม ที่มักกินในช่วงฤดูร้อน ข้าวเหนียวนำไปมูนกับหัวกะทิ ใส่เกลือและน้ำตาลทรายขาว นำมากินกับเนื้อมะม่วงสุก อาจจะเป็นมะม่วงอกร่องหรือมะม่วงน้ำดอกไม้ ราดกะทิและถั่วบางชนิด แต่ต้องบอกว่าสูตรดั้งเดิมในสมัยก่อนนั้น จะนิยมรับประทานข้าวเหนียวมูนคู่กับมะม่วงอกร่อง รสชาติหวานฉ่ำอมเปรี้ยวนิดหน่อย มีเส้นเซี้ยนของเนื้อในพอให้ซากๆ แต่รสหวานเข้ากันกำลังพอดีกับรสหวานมันของเหนียวมูน ปัจจุบันมะม่วงอกร่องหาซื้อยาก ราคาสูงและผลเล็ก ผิวเปลือกสีเขียวไม่เหลืองอร่ามชวนมองอย่างน้ำดอกไม้ ที่ผลใหญ่เนื้อเต็มคำ หลายคนอาจลืมรสชาติต้นตำรับแบบรุ่นปู่ย่าตายาย ลองหามะม่วงอกร่องที่ขั้วเริ่มเหลืองมาทานคู่กันดู แล้วจะรู้ว่ารสชาตินวลเนียนใช่เลยเป็นอย่างไร

 

-2-

ทับทิมกรอบ (Tub Tim Krob), ไทย

Photo Credit: Shutterstock

ขนมหวานแบบไทยแท้ที่มีบันทึกตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 นิยมรับประทานกันมากในฤดูร้อน รสชาติหอมหวานเย็นอร่อยชื่นใจคลายร้อนได้ดี สีสันสวยคล้ายเมล็ดในผลทับทิม ที่มีสีแดงและสีชมพูสวย เมื่อเคี้ยวแล้วกรอบมันด้วยรสชาติของแห้ว จากการนำเนื้อแห้วมาต้มจนสุก หั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าเล็กๆ คลุกด้วยแป้งมันผสมสีผสมอาหาร นำไปต้มจนสุก ใส่น้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลทราย กะทิสดจากการคั้นมะพร้าว ลอยด้วยดอกมะลิ ทานคู่กับน้ำแข็งบดละเอียดหรือน้ำแข็งทุบ หอมหวานชื่นใจ

 

-3-

อัลฟาโฆเรส (Alfajores), อเมริกาใต้

Photo Credit: Shutterstock

เป็นขนมที่รังสรรค์ขึ้นในละตินอเมริกา เกือบจะทุกร้านเบเกอรี่จากอาร์เจนตินาจนถึงเปรู จะได้ลิ้มชิมรสชาติเมนูคุ้กกี้เนื้อนุ่มสอดไส้คาราเมลนี้ เมื่อกัดเต็มคำรับสัมผัสความหวานละมุนในปาก ไม่ว่าจะลองเมนูที่จุ่มลงในดาร์กช็อกโกแลต หรือเคลือบไวท์ช็อกโกแลต หรือเลือกแบบคลาสสิก ก็เป็นหนึ่งในของหวานที่กินได้เพลิน

 

-4-

อัฟเฮลสตรูดัล (Apfelstrudel), ออสเตรีย

Photo Credit: Natasha Breen/REDA&CO/UIG/Getty Images

ขนมดั้งเดิมของชาวเวียนนา และเป็นขนมยอดนิยมในประเทศออสเตรีย รวมถึงประเทศต่างๆในแถบยุโรป ได้รับการยกย่องให้เป็นอาหารประจำชาติของประเทศออสเตรียอีกด้วย คำว่า strudel (สตรูเดล) เป็นภาษาเยอรมันกลางแปลว่า “ม้วน” หรือ “วน” แป้งที่รีดจนบางอุดมไปด้วยเกล็ดขนมปังทอดเนยจนกรอบ ใส่ลูกเกดและวอลนัทในบางครั้ง ห่อหุ้มด้วยไส้แอปเปิ้ลรสหวาน สัมผัสประสบการณ์สุดคลาสสิก เมื่อตรงไปที่ Café Korb ของเวียนนาเพื่อลองสักชิ้น ละเลียดรสชาติกับกาแฟเวียนนา เชื่อเถอะฟินเว่อร์!!

 

-5-

บัคลาวา (Baklava), ตุรกี

Photo Credit: Shutterstock

ขนมชั้นเลิศของหวานตุรกี ที่มีมาอย่างยาวนาน มรดกตกทอดมาตั้งแต่จักรวรรดิออตโตมัน และเป็นเสมือนดั่งตราประทับโลโก้เมืองกาเซ็นเทรปก็ว่าได้ เพราะมีต้นกำเนิดและแหล่งผลิตที่เมืองนี้ ขนมอบจากเส้นหมี่ตุรกีแบบบาง ทำมาจากแป้งผสมน้ำสะอาดที่เทผ่านตะแกรงลงบนถาดอาหาร  เส้นหมี่นี้ใช้เพื่อทำของหวานของชาวตะวันออกกลางโดยเฉพาะ ห่อหุ้มถั่วพิชทาชิโอบดแช่ในน้ำเชื่อม ให้รสชาติหวานมัน ต้องทานคู่กับชารสชาติขมเฝื่อนในสไตล์อาหรับเข้ากันดี

 

-6-

เค้กแบล็กฟอเรสต์ (Black Forest Cake), เยอรมนี

Photo Credit: Shutterstock

ต้นตำรับเดิมมาจากประเทศเยอรมัน เค้กช็อกโกแลตที่มีหลายชั้นสลับกับครีมและเชอร์รี่ ที่ให้รสเปรี้ยวนิดตัดรสหวานมันของเนื้อครีม ใช้ได้ทั้งเชอร์รี่สดหรือแยมเชอร์รี่ก็ได้ ที่พิเศษในส่วนผสมของเค้กชนิดนี้จะมีเหล้าที่ชื่อว่า Kirschwasser สกัดจากเชอร์รี่ ถูกเพิ่มลงไปเป็นส่วนผสมในเค้กด้วย  ซึ่งเราก็สามารถพบเห็นเค้กนี้ตามร้านเบเกอรี่และคาเฟ่มากมาย

 

-7-

บอร์มา (Borma), ตะวันออกกลางและตุรกี

Photo Credit: Shutterstock

บอร์มา คือบัคลาวาแบบม้วน นำไปทอดหรืออบ ราดด้วยถั่วพิสตาชิโอบดและไซรัปหวานๆ แป้งตุรกีแบบบางผสานน้ำสะอาดที่เทผ่านตะแกรงลงบนถาดโลหะร้อน กลายเป็นเส้นบางๆ คล้ายเส้นหมี่ที่ได้ขนาดเส้นสั้น ให้สีทองกรอบห่อหุ้มไส้ถั่วอาบน้ำหวานปรุงรส แป้งจะถูกรีดและนำมาหั่นให้เป็นชิ้นพอดี โชว์เมล็ดถั่วพิสตาชิโอ ถั่วไพน์ซีด หรือวอลนัท หลากหลายคุณค่าธัญพืช ซึ่งเป็นเมนูที่ได้รับความนิยมในตะวันออกกลางและตุรกีเลยทีเดียว

 

-8-

บราวนี (Brownies), สหรัฐอเมริกา

Photo Credit: Shutterstock

ขนมลูกครึ่งระหว่างเค้กกับคุกกี้ที่มีความหนึบ หรือเป็นเนื้อเค้กขึ้นอยู่กับความเข้มข้น และอาจจะมีส่วนผสมของถั่วชนิดต่างๆ เคลือบน้ำตาล และวิปครีม โดยใช้ช็อคโกแลตแบบไม่ทำให้หวานซึ่งทำให้บราวนี่เป็นเนื้อเหลวไหล สามารถใช้มือจับทานได้สะดวกและมักจะทานร่วมกับนมหรือกาแฟ เป็นเวลากว่าศตวรรษที่บราวนี่ได้กลายมาเป็นขนมผสมผสานได้ดีกับไอศกรีมซันเดย์ เสริมให้รสชาติไอศกรีมยิ่งน่าดึงดูด หนึ่งในสูตรอาหารที่เก่าแก่ที่สุดปรากฏในหนังสือ “Cook Cooking School Cook Book ของ Fannie Farmer” ในปี 1906

 

-9-

แคนโนลี (Cannoli), ซิซิลี – อิตาลี

Photo Credit: Shutterstock

ของหวานของอิตาลีที่มีต้นกำเนิดในซิซิลี มายาวนานผ่านประวัติศาสตร์การทำอาหารที่หลากหลายของเกาะ ด้วยต้นกำเนิดในการเฉลิมฉลองคานิวัลในป่าที่ปาแลร์โม ชื่อ “แคนโนลี” มีความหมายว่า “ท่อเล็ก” แบบดั้งเดิมสอดไส้ด้วยชีสริคอตต้าเนียนนุ่มที่ทำจากนมแกะ ตกแต่งด้วยช็อกโกแลตชิฟ อันอบอวลไปด้วยอาหารสไตล์ซิซิลี และมักนำผลส้มที่มีรสหวานมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของครีม รสชาตินี้ยังคงเป็นที่ชื่นชอบไปทั่วตะวันออกกลาง

 

-10-

คาร์ดามัม บัน (Cardamom Buns), สวีเดน

Photo Credit: Shutterstock

ประเทศสวีเดนมีวัฒนธรรมการดื่มกาแฟที่เรียกว่า Fika มักดื่มกันในช่วงเช้าและบ่าย ไปพร้อมกับหาขนมดีๆ มากินละเลียดกับกาแฟ และสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงานด้วยความผ่อนคลาย แป้งอบโรยหน้าด้วยน้ำตาลและเครื่องเทศสดใหม่หอมกรุ่นของขนมชนิดนี้ เหมาะจริงๆ กับกาแฟแก้วโปรด

 

-11-

เซนดอล (Cendol), สิงคโปร์

Photo Credit: Shutterstock

ขนมลอดช่องสิงคโปร์แท้ ที่หาทานได้ที่ประเทศสิงคโปร์  หรือเรียก “เซนดอล” (Cendol) มีรูปร่างหน้าตาละม้ายคล้ายคลึงกับลอดช่องไทย (ลอดช่องน้ำกะทิ) แต่ตัวเส้นหนียวกว่า เป็นขนมหวานเย็นที่ใส่กะทิ ตัวเส้นลอดช่องทำจากแป้งข้าวเจ้าและใบเตยหอม ใส่ถั่วแดงเพิ่มลงไป ใส่น้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นชื่นใจ โรยด้วยน้ำตาลทรายแดงเคี่ยวข้นหอมหวาน

 

-12-

คุกกี้ช็อกโกแลตชิป (Chocolate Chip Cookies), สหรัฐอเมริกา

Photo Credit: Shutterstock

ขนมบิสกิตแบบอังกฤษที่มีช็อกโกแลตผสม เป็นขนมสำหรับอัฟเตอร์นูนทีของชาวอังกฤษ ไม่ใช่สไตล์คุกกี้แบบชาวอเมริกันคุ้นเคย และจะเห็นได้ว่าในสูตรดั้งเดิมนั้นช็อกโกแลตที่ใส่ก็ยังไม่ใช่ช็อกโกแลตชิพแต่เป็นช็อกโกแลตบาร์ที่นำมาสับเป็นชิ้นเล็กๆ เอง และในยุคนั้นก็ยังไม่มีแบรนด์ช็อกโกแลตเจ้าไหนทำช็อกโกแลตแบบชิ้นเล็กๆ สำหรับผสมในคุกกี้ กระทั่งสูตรคุกกี้ของคุณนายเวคฟิลด์สร้างกระแสโด่งดังไปทั่ว จนราวปี 1940 เรียกช็อกโกแลตชิ้นเล็กๆ ที่ใส่ในคุกกี้ชนิดนี้ว่า “ชิพ” (chips) กลายเป็นที่นิยมโดยทั่วไปในอเมริกา และในปีเดียวกันนี้เอง Nestle ก็ทำช็อกโกแลตแบบชิ้นเล็กสำหรับใส่คุกกี้ออกวางขาย และถึงแม้จะเรียกผลิตภัณฑ์ของตนเองว่า Semi-Sweet Morsels (เป็นเจ้าเดียวที่ใช้คำ Morsel) แต่สำหรับคนทั่วไปก็คุ้นเคยและก็นิยมใช้คำว่า Semi-Sweet Chocolate Chips กันมากกว่า คุกกี้ที่มีลักษณะแบบนี้จึงเป็นที่รู้จักในชื่อของ Chocolate Chip Cookies นั่นเอง

 

-13-

ช็อกโกแลตมูส (Chocolate Mousse), ฝรั่งเศส

Photo Credit: Shutterstock

ช็อคโกแลตมูส การทำขนมแบบเตรียมส่วนผสมให้มีฟองอากาศโดยการตีไข่ขาวแล้วนำมาผสมกับช็อคโกแล็ตชั้นเยี่ยม เพื่อให้ได้เนื้อสัมผัสเบานุ่มนวลและโปร่งด้วยฟองอากาศ เนื้อที่กลมกลืนมันขึ้นอยู่กับวิธีการทำมูส (Mousse) ที่มาจากภาษาฝรั่งเศส หมายถึง ฟองน้ำ นั่นเอง

 

-14-

เค้กมะพร้าว (Coconut Cake), สหรัฐอเมริกา

Photo Credit: Shutterstock

เค้กวนิลาที่มีความกลมกล่อมของเลเยอร์ชั้นเค้กแต่ละชั่นโรยด้วยมะพร้าวอ่อนขูด  เนื้อเค้กนุ่มเบาด้วยครีมสด เป็นขนมสุดคลาสสิคของชาวอเมริกันตอนใต้ ที่นิยมนำมาแบ่งปันกันในงานสังสรรค์ ปิกนิก รูปแบบมินิมัลลิสต์สีขาวคลาสสิคทรงกลมของเค้กมะพร้าว สื่อถึงความสุขและประเพณีแบบอเมริกันที่ไม่เหมือนใคร

 

-15-

กอง เดอ กาแซล (Cornes de Gazelle), โมร็อกโก

Photo Credit: Shutterstock

ของหวานที่ปรากฏในงานเฉลิมฉลองในอาหารมื้อพิเศษ ความคลาสสิกของแป้งรูปโค้งมน สอดไส้ด้วยอัลมอนด์ป่นผสมด้วยน้ำดอกส้ม นำไปอบจนกว่าแป้งจะมีสีทอง แต่ยังคงให้เนื้อสัมผัสที่เบานุ่มนวล จะเห็นขนมชนิดนี้ทั่วไปในประเทศโมร็อกโก และประเทศใกล้เคียงของตูนิเซียและแอลจีเรีย

 

-16-

เครมบรูเล (Crème Brûlée), ฝรั่งเศส

Photo Credit: David Carson/St. Louis Post-Dispatch/TNS/Getty Images

ของหวานชนิดหนึ่งของฝรั่งเศส ซึ่งแปลกันแบบตรงตัวว่า “ครีมที่ถูกเผาไฟ” มีเนื้อสัมผัสของ Crème Brûlée จะมีลักษณะเนียนนุ่มเป็นคัสตาร์ด ด้านบนจะเป็นคาราเมลกรอบๆ ที่ได้จากการเผาน้ำตาล  ดั้งเดิมจะเป็น Vanilla Crème Brûlée  แต่ปัจจุบันมีการเพิ่มรสชาติต่างๆ อีกมากมาย  ไม่ว่าจะเป็นรสผลไม้ หรือชาต่างๆ

 

-17-

ทาร์ตไข่ (Dan Tats), ฮ่องกง

Photo Credit: Shutterstock

ทาร์ตไข่ ใช้แป้งคล้ายพายกรอบที่มีความกรอบนอกนุ่มในของไข่ขาวและไข่แดง ถ้าทานทันทีขณะที่ยังร้อนอยู่จะอร่อยมาก หอมหวานมันกำลังดี ทาร์ตไข่ที่อร่อยเว่อร์อยู่ที่มาเก๊า แต่ต้นทางมาจากประเทศโปรตุเกส ช่วงที่เข้ามาปกครองมาเก๊านานกว่า 400 ปี จึงได้รับอิทธิพลทางด้านวัฒนธรรมโปรตุเกสผสมผสานกับวัฒนธรรมจีน เกิดเป็นเมนูสุดฟิน!

 

-18-

โดนัท (Doughnuts), สหรัฐอเมริกา

Photo Credit: Shutterstock

ขนมแป้งทอดหรืออบ ลักษณะเด่นทรงกลมมีรูตรงกลาง ที่พัฒนาให้มีหลากหลายรสชาติ โรยด้วยน้ำตาล ช็อกโกแลต หรือครีมสตรอว์เบอร์รี่ ถั่ว ขนมของชาวดัตช์นี้มีมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 ก่อนที่จะมีรู แต่เดิมเรียกชื่อขนมนี้ว่า “โอลีเคิร์ก” (Olykoek) หรืออีกชื่อหนึ่งว่า “เค้กทอด” (oil cake) เป็นแผ่นแป้งกลมไม่มีรู แล้วนำไปทอดในน้ำมันจนท่วม ต่อมาก็เรียกว่า “โดนัท” (doughnut) เมื่อชาวดัตช์ อพยพมายังประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี ค.ศ. 1620 พวกเขาได้นำโดนัท ขนมเค้กทอดอันนี้เข้ามาด้วย

 

-19-

เอสเตอร์ฮาซี ทอร์ดา (Eszterhazy Torta), ฮังการี

Photo Credit: Shutterstock

ในสมัยรุ่งเรืองของจักรวรรดิออสโตร ฮังการีแผ่ขยายอิทธิพลไปทั่วยุโรปกลาง และหนึ่งศตวรรษหลังจากที่จักรวรรดิล่มสลาย Eszterhazy Torta ยังเป็นมรดกตกทอดที่ยังพบเห็นในร้านเบเกอรี่จากเวียนนาถึงซาราเยโว เค้กอัลมอนด์เมอแรงค์เนื้อบางเบานั้นแทรกตัวอยู่ระหว่างแถบช็อคโกแลตบัตเตอร์ครีมราดด้วยใยแมงมุมช็อคโกแลตแทรกในวานิลลา  รสชาติที่เข้มข้นทำให้เค้กที่ได้รับการตกทอดมานี้ เป็นที่ชื่นชอบตลอดกาลในบูดาเปสต์ ซึ่งผู้คนรักการกินของหวาน และยังหาได้ง่ายในเวียนนาที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นผู้นำของจักรวรรดิ  อันได้รับอิทธิพลจากประเพณีการทำอาหารร่วมกัน

 

-20-

แฟลน (Flan), ลาตินอเมริกา

Photo Credit: Bob Fila/Chicago Tribune/MCT/Getty Images

คาราเมลคัสตาร์ด หรือเรียก คัสตาร์ดพุดดิ้ง ที่มีส่วนผสมมาจากไข่ น้ำตาล และนม เป็นขนมที่ได้รับความนิยมมากที่สุดเมนูหนึ่งในงานปาร์ตี้ และเป็นที่นิยมมากบางประเทศในละตินอเมริกาและแคริบเบียน ในหมู่ประชากรสเปนของทวีปอเมริกาเหนือ

 

-21-

กาโตว์ ฟองดอง โอ ช็อกโกลา (Gâteau Fondant au Chocolat), ฝรั่งเศส

Photo Credit: Shutterstock

“ละลายเค้กช็อคโกแลต” ในภาษาฝรั่งเศส  หรือช็อกโกแล็ตลาวา เพื่อปลดปล่อยช็อกโกแลตที่ล้นจากภายใน เค้กรสชาติเข้มข้นและเต็มไปด้วยความหอมหวานนี้ ต้องเสริฟทันทีเพื่อรักษาอุณหภูมิที่ให้ความอุ่นของช็อกโกแล็ตภายในบราวนี่ เมื่อความสมดุลสมบูรณ์แบบผสมผสานกันเป็นเค้กช็อคโกแลตเข้ากับความกลมกล่อมของช็อคโกแลตบาร์ที่ละลายในปาก ในปี 1990 เค้กชนิดนี้กลายเป็นดาวเด่นในฐานะเค้กลาวาหรือช็อคโกแลตเหลว ขนมที่หอมหวานและมีเสน่ห์ที่สุด

 

-22-

ไอศกรีมเจลาโต (Gelato), อิตาลี

Photo Credit: Shutterstock

ไอศริม Gelato ใช้นมโคสดเป็นส่วนประกอบหลัก และใช้ครีมในปริมาณที่น้อยกว่าไอศกรีมทั่วไป จึงทำให้มีไขมันต่ำอยู่ที่ประมาณ 3-8% เท่านั้น ในขณะที่ไอศกรีมทั่วไปจะมีไขมันอยู่ในเกณฑ์ตั่งแต่ 10-17% ขึ้นไป แต่ถ้าเป็นไอศกรีมประเภท Sorbet ก็จะไม่มีไขมันเป็นส่วนประกอบเลย และยังมีการตกแต่งที่สวยงามดึงดูดใจ ถ้ารับประทานในแบบดั้งเดิมจะใช้ช้อนตักปาดลงไปในถ้วยไอศกรีมให้เต็มและพูนขึ้นมาที่เรียกว่า Spatula ไม่ได้ใช้ Scoop แบบตักเป็นลูกๆอย่างที่เราคุ้นกัน และอีกความเด่นของไอศรีม Gelato จะมีอากาศแทรกอยู่ในเนื้อไอศกรีมประมาณเพียง 20-40% ส่วนไอศกรีมทั่วๆไปจะมีปริมาณอากาศแทรกอยู่ที่ 50-80% จึงทำให้ Gelato มีรสชาติที่เข้มข้น ในอิตาลีผู้คนต่างมักจะกล่าวถึง Gelato ว่าเป็นศิลปะของไอศครีมที่เก่าแก่ที่สุดในการทำไอศกรีมโฮมเมดเลยทีเดียว

 

-23-

กุหลาบจามุน (Gulab Jamun), อินเดีย

Photo Credit: Shutterstock

ขนมที่ทำจากนมควาย (Buffalo milk) ผสมแป้ง และปั้นเป็นลูกกลมๆ ทอดในเนยกี (ghee) จากนั้นราดด้วยน้ำเชื่อมที่มีส่วนประกอบของน้ำดอกกุหลาบ ลูกกระวาน และหญ้าฝรั่น มีรสชาติหวานมาก นิยมทานคู่กับน้ำชา และไอศกรีม เมนูขนมหวานนี้มีขึ้นมาในยุคที่ชาวเปอร์เซียรุกรานประเทศอินเดียตอนใต้ ชนมชนิดนี้มักมีให้เห็นในเทศกาลงานเลี้ยงสำคัญๆ ไม่ว่าจะเป็นงานที่เกี่ยวกับศาสนาพราหมณ์หรืออิสลาม งานแต่งงาน งานวันเกิด ไม่เฉพาะในอินเดียและคนในแถบชมพูทวีปเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงหมู่เกาะต่างๆ อาทิ เมาริเชียส ตรินิแดดฯ จาไมก้า ฯลฯ

 

-24-

ชีสเค้กแบบญี่ปุ่น (Japanese Cheesecake), ญี่ปุ่น

Photo Credit: Shutterstock

ขนมเค้กที่มีส่วนผสมของชีส สัมผัสที่เบานุ่มนวล เนื้อฟู กลิ่นหอมชีส เต็มคำละลายในปาก เป็นเมนูที่ต้องอาศัยเทคนิคการตีไข่ขาว แป้งที่อุดมไปด้วยครีมชีสและวานิลลา หากินได้งไม่ยากตั้งแต่ร้านสะดวกซื้อญี่ปุ่นไปจนถึงร้านเบเกอรี่ชั้นนำ

 

-25-

คาชาตา (Kashata), แอฟริกาตะวันออก

Photo Credit: Sohadiszno/iStockphoto/Getty Images

ขนมถั่วเคลือบน้ำตาลคาราเมล ลูกผสมระหว่างคุ้กกี้กับลูกกวาด มีกลิ่นหอมเครื่องเทศกระวานนิยมมากในแถบแอฟริกาตะวันออก โดยเฉพาะแทนซาเนีย เคนยา ยูกันดา

 

-26-

คิฟลี (Kifli), ฮังการี

Photo Credit: Shutterstock

ขนมขบเคี้ยวรูปพระจันทร์เสี้ยวที่ทำขึ้นจากแป้งหมักยีสต์คิฟลี สอดไส้ด้วยวอลนัทหวานหรือเมล็ดงาดำ เนยสดใหม่สำหรับอาหารเช้าราดด้วยแยมหรือน้ำผึ้งรับประทานคู่กับกาแฟ

 

-27-

คนาฟี (Knafeh), ลิแวนต์

Photo Credit: Shutterstock

ของหวานดั้งเดิมของชาวอาหรับ ทำจากขนมอบลักษณะคล้ายเส้นก๋วยเตี๋ยวแช่ในน้ำเชื่อม กินคู่กับชีส ครีม โรยด้วยถั่วหรือชีสเค็ม เติมด้วยรสชาติของน้ำดอกกุหลาบหรือดอกส้ม เนื้อสัมผัสและรสชาติ เช่นเดียวกับของหวานในตะวันออกกลางหลายแห่ง

 

-28-

กวีญามันน์ (Kouign Amann), ฝรั่งเศส

Photo Credit: Shutterstock

ขนมชนิดนี้มีขึ้นเมื่อราวปี ค.ศ.1860 เป็นขนมของชาวเบรอตง (Breton) ในประเทศฝรั่งเศส มีลักษณะเป็นเค้กรูปร่างกลมแบน ผิวกรอบ ทำจากแป้งโดที่นวดแล้วรีดให้เป็นแผ่น วางเนยและโรยน้ำตาลสลับกันเป็นชั้นๆ แล้วม้วนพับเข้าไปในลักษณะคล้ายกับแป้งพายชั้น (puff pastry) แต่มีจำนวนชั้นน้อยกว่า จากนั้นนำไปอบอย่างช้าๆ จนกระทั่งเนยดันแป้งออกมา ทำให้ขนมมีลักษณะเป็นชั้น จนน้ำตาลกลายเป็นน้ำเชื่อมเหนียวข้น

 

-29-

คุลฟี (Kulfi), อินเดีย

Photo Credit: Shutterstock

ขนมหวานเมนูนิยมของอินเดีย คล้ายกับไอศครีมหรือหวานเย็นของไทย แต่ไม่ใช่อินเดียเท่านั้นนะ ประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเดียวกันก็ยังได้รับอิทธิพลนี้ อย่างเช่น เนปาล ปากีสถาน บังคลาเทศ พม่า และตะวันออกกลาง จนถูกเรียกว่า “ไอศกรีมแบบดั้งเดิมของอนุทวีปอินเดีย คุลฟีมีลักษณะคล้ายกับหวานเย็นของไทย โดยเป็นไอศกรีมเสียบไม้ ทำมาจากนมสดที่ผ่านการเคี่ยวจนข้นมัน และปรุงแต่งรสชาติด้วยการผสมน้ำตาล และเติมกลิ่นต่างๆ เข้าไปด้วย เช่น เครื่องเทศ, กุหลาบ, มะม่วง, พิสตาชิโอ เป็นต้น นอกจากจะมีการเสียบไม้แล้ว ยังมีคุลฟีแบบที่เสิร์ฟใส่จานเป็นของหวานสำหรับปิดท้ายมื้ออาหารค่ำอีกด้วย

 

-30-

ทาร์ตมะนาว (Lemon Tart), ฝรั่งเศส

Photo Credit: Shutterstock

ทาร์ตยอดนิยมของผู้รักความเปรี้ยว ครีมมะนาวหอมหวานอมเปรี้ยวไปด้วยรสชาติของมะนาวและเลมอนที่ผสมกันอย่างลงตัว เสริฟคู่กับทาร์ตที่อบมากำลังดี กรอบนอกนิดๆ เสริฟแบบเย็น แล้วทานตอนอากาศร้อนๆ รับรองว่าช่วยเพิ่มความสดชื่นได้อย่างแน่นอน

 

-31-

ลินเซอร์ ทอร์ต (Linzer Torte), ออสเตรีย

Photo Credit: Shutterstock

ขนมที่ตั้งชื่อตามเมืองลิน ในประเทศออสเตรีย ว่ากันว่าขนมชนิดนี้เป็นขนมเค้กที่มีความเก่าแก่มากที่สุดในโลก มีส่วนประกอบเป็นแป้งอบผสมเนยจืด, ไข่แดง, น้ำมะนาว, อบเชย และถั่วลิสง “ลินเซอร์ ทอร์ต” นิยมกินกันในวันหยุดสำคัญๆ เป็นวัฒนธรรมของ ประเทศออสเตรีย, ฮังการี, สวิตเซอร์แลนด์ และเยอรมนี

 

-32-

มเฮนจา (M’hanncha), โมร็อกโก

Photo Credit: Shutterstock

เป็นขนมปังที่ทำจากแป้งวาร์กาอบกับถั่วผสมลูกเกดกลิ่นส้ม อบบนแผ่นเหล็กร้อนๆ ต้องใช้ทักษะและความชำนาญเป็นเวลาหลายชั่วโมง ลักษณะป็นวงกลม เมื่อสุกได้ที่ใช้มีดตัดกรีดลงบนขนมปังให้เป็นทางยาววนรอบวงกลม เผยให้เห็นไส้ถั่วบดที่อุดมไปด้วยน้ำดอกส้มและยางไม้แมซทิคเรซิน กินจับคู่กับชามินท์ Moroccan แบบดั้งเดิม เป็นของหวานที่กินกันในวันที่มีการเฉลิมฉลอง

 

-33-

มามัวร์ (Ma’amoul), ตะวันออกกลาง

Photo Credit: Shutterstock

ขนมโบราณของชาวอาหรับที่มีส่วนผสมอินทผาลัมและถั่วชนิดต่างๆ มามัวร์มักนิยมเสิร์ฟวันสุดท้ายของรอมฎอน กินคู่กับกาแฟ และช็อกโกแลต นิยมมากในแทบลิแวนต์

 

-34-

มันดาซี (Mandazi), ซูดานใต้

Photo Credit: Shutterstock

รู้จักกันในชื่อ ดาโบ หรือ ดาเอีย เป็นขนมทอดไส้หวานที่มีส่วนผสมของกะทิ ถั่วชนิดต่างๆ เสิร์ฟขณะร้อนหรืออุณหภูมิห้อง นิยมนำไปกินกับชาหรือน้ำผลไม้

 

-35-

มาโดวิค (Medovik), รัสเซีย

Photo Credit: Shutterstock

ของหวานก้นครัวจากรัสเซีย ที่ทำถวายแด่จักรพรรดินี พระองค์เจ้าเอลิซาเบธ อเล็กเซเยฟนาแห่งรัสเซีย ภริยาของจักรพรรดิอเล็กซานเดอร์ที่ 1 มีลักษณะเป็นขนมเค้กชั้นๆ ที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งสลับกับครีมเปรี้ยวหรือบัตเตอร์ครีม ท็อปด้วยถั่ว ผลไม้แห้ง ตามแต่สูตร

 

-36-

นิวยอร์ก ชีสเค้ก (New York Cheesecake), สหรัฐอเมริกา

Phoro Credit: Nathan Congleton/NBC/Getty Images

ชีสเค้กสไตล์นิวยอร์ก ที่เน้นความหนักแน่นของชีสแบบทะลักทะลวง นิยมนำมากินคู่กับวิปครีม ช็อกโกแลต หรือราดด้วยแยมสตรอว์เบอร์รี ราสป์เบอร์รี่

 

-37-

โอลลีโบเลน (Oliebollen), เนเธอร์แลนด์

Photo Credit: Shutterstock

ขนมท้องถิ่นชาวเนเธอร์แลนด์ มีลักษณะเป็นแป้งทรงกลมสอดไส้ด้วยของหวาน อาจเป็นวิปครีมหรือผลไม้กวนก็ได้ นำไปทอดจนสุกแล้วราดด้วยไอซิ่ง

 

-38-

พัฟโลวา (Pavlova), ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์

Photo Credit: Shutterstock

ถือเป็นของหวานที่ยังถกเถียงกันไม่รู้จบระหว่าง 2 ชาติ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ว่าใครเป็นคนคิดขึ้นก่อน แต่ที่แน่ๆ พัฟโลวามาจากชื่อนักบัลเลต์ชาวรัสเซีย ที่เคยมาแสดงบัลเลต์ ณ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ในยุค 1920 ขนมชนิดนี้มีเมอแรงก์เป็นส่วนหลัก แต่งหน้าด้วยวิปครีมและผลไม้สด

 

 -39-

โพลวอโรน (Polvorónes), ลาตินอเมริกา, สเปน และฟิลิปปินส์

Photo Credit: Shutterstock

ขนมยอดนิยมช่วงวันหยุดในสเปน รวมถึงอาณานิคมเดิมในลาตินอเมริกาและฟิลิปปินส์ มีลักษณะเป็นคุกกี้เคลือบน้ำตาลสอดไส้ถั่ว สัมผัสมีทั้งกรอบ นุ่ม และกรอบอยู่ในลูกเดียวกัน

 

-40-

อาตาเยฟ (Qatayef), ตะวันออกกลาง

Photo Credit: Shutterstock

หนึ่งในขนมหวานของชาวอาหรับที่นิยมเสิร์ฟช่วงรอมฎอน มีลักษณะคล้ายเกี๊ยว ทำจากแป้งแพนเค้กห่อด้วยครีมชีสและถั่วหลากชนิด

 

-41- 

รีโก แจงซี (Rigó Jancsi), ฮังการี

Photo Credit: Shutterstock

เค้กมูสช็อกโกแลตสไตล์ฮังการี สปอนจ์เค้กสอดไส้ด้วยมูสเค้ก ราดช็อกโกแลตแสนอร่อย

 

-42-

ไอศกรีมแซฟรอน (Saffron Ice Cream), อิหร่าน

Photo Credit: DeAgostini/Getty Images

ไอศกรีมแบบชาวเปอร์เซียที่มีเอกลักษณ์เด่น ด้วยถั่วพิสตาชิโอและกลิ่นกุหลาบ สามารถกินแต่ไอศครีม หรือกินคู่กับแผ่นเวเฟอร์ประกบคู่เป็นแซนด์วิชไอศกรีมก็อร่อยเช่นกัน

 

-43-

ขนมไข่หงส์ (Sesame Balls), สาธารณรัฐประชาชนจีน

Photo Credit: Shutterstock

ขนมแป้งทอดที่มีลักษณะคล้ายกับไข่นกกระทาบ้านเรา ทว่ามีขนาดใหญ่กว่า และเนื้อแป้งมีส่วนผสมของงาและสอดไส้หวาน

 

-44-

น้ำแข็งหิมะ (Snow Ice), Xue Hua Bing, ไต้หวัน

Photo Credit: Shutterstock

น้ำแข็งไสสไตล์ไต้หวัน มีลักษณะเด่นที่เกล็ดน้ำแข็งเนียนละเอียด ครบเครื่องของเชื่อมและผลไม้สด

 

-45-

พายเชอร์รี (Sour Cherry Pie), สหรัฐอเมริกา

Photo Credit: Shutterstock

พายกรอบชนิดหนึ่งที่สอดไส้ด้วยแยมเชอร์รี่ ท็อปด้วยลูกเชอร์รีสด

 

-46-

เค้กพุดดิ้ง (Sticky Toffee Pudding), อังกฤษ

Photo Credit: Shutterstock

สปอนจ์เค้กท็อปด้วยซอสทอฟฟี่ นิยมเสิร์ฟพร้อมคัสตาร์ดพุดดิ้งหรือไอศกรีมวานิลลา

 

-47-

ทาร์ตตาแตง (Tarte Tatin), ฝรั่งเศส

Photo Credit: Shutterstock

ขนมหวานสัญชาติฝรั่งเศส ที่นิยมใช้แอปเปิ้ลเป็นส่วนผสมหลัก ถ้านึกภาพไม่ออก ขอให้นึกถึงพายแอปเปิ้ลแบบกลับหัว ว่ากันว่าขนมชนิดนี้เกิดขึ้นจากความผิดพลาดของเชฟขนมในโรงแรมดังแห่งหนึ่ง เธอพยายามแก้ไข และผลปรากฏว่ากลายเป็นที่ชื่นชอบของลูกค้าและคนทั่วไป

 

-48-

ทีรามิสุ (Tiramisú), อิตาลี

Photo Credit: Shutterstock

ขนมหวานรสกาแฟชนิดหนึ่งจากประเทศอิตาลี ทำจากแท่งขนมปังกรอบซาวอย จุ่มน้ำกาแฟเอสเพรสโซ แล้วนำไปเรียงเป็นชั้นสลับกับส่วนผสมที่ประกอบด้วย ไข่ น้ำตาล และเนยมัสคาร์โปเน ตีเข้าด้วยกัน แต่งกลิ่นรสด้วยผงโกโก้

 

-49-

เทร์เลชเค้ก (Tres Leches Cake), เม็กซิโกและอเมริกากลาง

Photo Credit: Shutterstock

เค้กก้อนหนานุ่มที่มีส่วนผสมของนม 3 ชนิด ได้แก่ นมสด ครีมเทียม และนมข้นหวาน ตกแต่งด้วยครีมและผลไม้สดตามแต่สูตร

 

-50-

ทรัยเฟิล (Trifle), อังกฤษ

Photo Credit: Shutterstock

ขนมสัญชาติอังกฤษที่มีประวัติมายาวนานตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 มีส่วนประกอบ 3-4 ชั้น ทำจากคัสตาร์ด ผลไม้ สปอนจ์เค้ก เยลลี่ และวิปครีม ราดด้านบนด้วยคัสตาร์ดและครีม ทรัยเฟิลบางชนิดอาจผสมเหล้าเล็กน้อยหรือน้ำผลไม้แทน เพื่อให้เนื้อเค้กมีความนุ่มมากขึ้น

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด