TOP

ดีเดย์! 5 มีนา 63 ‘กรมการค้าภายใน’ จัดคาราวานออกจำหน่ายหน้ากากอนามัย ในราคาไทยช่วยไทย พร้อมกันทั่วประเทศ

ในสภาวะการณ์ที่ไวรัสโคโรนา โควิด-19 ยังคงแพร่ระบาดอย่างไม่หยุดยั้ง และทางการแพทย์ก็กำลังร่วมกันหาทางป้องกันโรค ด้วยการคิดค้นยาต้านไวรัสโคโรนาสายพันธ์ุใหม่นี้ ทุกภาคส่วนตื่นตัวรณรงค์การดูแลตัวเองอย่างถูกวิธีเพื่อการปลอดจากเชื้อ และรายงานสถานการณ์การระบาดของโควิด19 ที่ส่งผลกระทบต่อผู้คน และเศรษฐกิจไปทั่วโลก ประชาชนต่างเฝ้าระวังดูแลตัวเองให้แข็งแรง และรับผิดชอบต่อสังคม ด้วยการสวมใส่หน้ากากอนามัย จนกลายเป็นมนุษย์มาร์สก์ (Mask) ไปทั่วเมือง ที่เวลานี้หน้ากากอนามัย กลายเป็นสิ่งจำเป็นที่ต้องพกพาเมื่ออกนอนกบ้าน อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ผู้คนจำเป็นต้องใช้อย่างต่อเนื่องทุกวัน จนกลายเป็นเรื่องดราม่าหน้ากากขาดตลาดหาซื้อยากขึ้น รัฐบาลจึงได้มีการสั่งผลิตหน้ากากอนามัย เพื่อให้เพียงพอต่อความต้องการเร่งด่วนนี้

 

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ได้สั่งการให้กรมการค้าภายใน จัดรถคาราวานออกจำหน่ายหน้ากากอนามัยทั่วประเทศ รวม 111 คัน กระจายตัวกันไปในพื้นที่ส่วนต่างๆ ของ กรุงเทพฯ และ ปริมณฑล จำนวน 21 คัน และ ในต่างจังหวัด จำนวน 90 คัน โดยรถแต่ละคันจะมีหน้ากากอนามัย ประมาณหมื่นชิ้น หมุนเวียนออกจำหน่ายในชุมชนต่างๆ อย่างทั่วถึง ด้วยเงื่อนไขการจำหน่ายให้ประชาชน ได้คนละไม่เกิน 1 แพ็ก แพ็กละ 4 ชิ้น ราคาชิ้นละ 2.50 บาท หรือแพ็กละ 10 บาท คาดว่าจะเริ่มดำเนินการได้ ในวันที่ 5 มีนาคมนี้! และจะแจ้งรายละเอียดผ่านเว็บไซต์ของกรมการค้าภายใน เพื่อให้ประชาชนได้เตรียมตัวรอซื้อกัน

 

การกระจายหน้ากากอนามัยสู่ช่องทางอื่นๆ

กรมการค้าภายในได้รับหน้ากากอนามัยมา จำนวนวันละ 6 แสนชิ้น ยังคงดำเนินการเหมือนเดิมคือ จำนวน 3.5 แสนชิ้น จะกระจายไปให้ องค์การเภสัชกรรม จำนวน 2 แสนชิ้น และกระจาย โรงพยาบาล จำนวน 1.5 แสนชิ้น คงเหลือ จำนวน 2.5 แสนชิ้น จะกระจายให้กับ สมาคมร้านขายยา ที่มีสมาชิก 3,000 ราย วันละ 25,000 ชิ้น, การบินไทย วันละ 18,000 ชิ้น ที่เหลือจะกระจายผ่าน ร้านธงฟ้า, เซเว่น อีเลฟเว่น, มินิบิ๊กซี, โลตัส เอ็กซ์เพรส และ แฟมิลี่มาร์ท โดยจำกัดการซื้อคนละ 1 แพ็ก 4 ชิ้น ในราคา 10 บาทเช่นเดียวกัน ซึ่งกรมการค้าภายใน ขอความร่วมมือประชาชนต้องยึดหลัก ‘เทใจให้กัน แบ่งปันกันใช้’ เพราะหากซื้อไปกักตุน จะทำให้คนข้างหลังไม่ได้ด้วย ซื้อแต่พอใช้ เพราะความต้องการในปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้น

 

เพื่อเป็นการไม่ค้ากำไรเกินควร ในส่วนของกรมการค้าภายใน ยืนยันว่า หน้ากากอนามัยที่ได้รับจัดสรรนี้ ไม่มีหลุดออกไปจำหน่ายในช่องทางอื่นๆ แน่นอน ยกเว้นตามช่องทางที่กำหนด และในส่วนของโรงงานที่ยังมีหน้ากากอนามัยที่ผลิตได้วันละ 7.5 แสนชิ้น (กำลังผลิตรวมต่อวัน 1.35 ล้านชิ้น แบ่งให้กรมการค้าภายใน 6 แสนชิ้น เหลือ 7.5 แสนชิ้น) ทราบว่ามีการกระจายตามช่องทางการค้าปกติ แต่ไม่รู้ว่าโรงงานบริหารจัดการอย่างไร กระจายไปที่ไหนบ้าง ซึ่งนายจุรินทร์ ได้มีดารสั่งการเชิญโรงงานผู้ผลิต และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งสาธารณสุข โรงพยาบาลรัฐ สมาคมโรงพยาบาลเอกชน มาหารือ เพื่อแก้ไขปัญหาและกระจายหน้ากากอนามัยให้ทั่วถึงแล้ว

 

ในด้านร้านค้าที่ค้ากำไรเกินควรนั้น นายวิชัย โภชนกิจ อธิบดีกรมการค้าภายใน กล่าวว่า “กรมการค้าภายใน กำลังหาช่องทางเอาผิดตามกฎหมายกับแพลตฟอร์มค้าออนไลน์ ที่เคยมาร่วมหารือกับกระทรวงพาณิชย์ ทั้ง Lazada, Shopee และ JD Central ที่เคยรับปากจะช่วยดูแลการจำหน่ายหน้ากากอนามัยบนแพลตฟอร์ม ไม่ให้มีการค้ากำไรเกินควร แต่ทุกวันนี้ยังมีการเปิดให้คนเข้ามาขายสินค้าแพง เอาเปรียบประชาชน ต้องถือว่ามีความผิดด้วย ส่วนการจำหน่ายผ่านทางเฟซบุ๊ก กรมการค้าภายในได้ตรวจสอบ และตามหาตัวผู้กระทำผิดโดยตลอด หากพบเจอการค้ากำไรเกินควรเช่นนี้ ขอความร่วมมือให้ช่วยกันแจ้งเบาะแสผ่านสายด่วน 1569 โดยต้องมีรายละเอียดให้กับเจ้าหน้าที่ด้วย เพื่อให้ทำงานได้ง่ายขึ้น”

 

ผู้ค่ากำไรเกินควร มีความผิดตามมาตรา 29

พ.ร.บ ว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ

สำหรับโทษสูงสุดจำคุก 7 ปี ปรับ 1.4 แสนบาท และผิดมาตรา 28 ในเรื่องปิดป้ายแสดงราคา มีโทษปรับไม่เกิน 10,000 บาท

 

 

รายชื่อร้านธงฟ้าประชารัฐ

ที่ได้รับการจัดสรรหน้ากากอนามัย เพื่อจำหน่ายให้กับประชาชน

ในจังหวัด กรุงเทพฯ, กระบี่, กาญจนบุรี, กาฬสินธุ์, กำแพงเพชร, ขอนแก่น, จันทบุรี, ฉะเชิงเทรา, ชลบุรี, ชัยภูมิ, ชุมพร, ชัยนาท, เชียงราย, เชียงใหม่, ตรัง, ตราด, ตาก, นครนายก, นครปฐม, นครพนม, นครราชสีม, นครศรีธรรมราช, นครสวรรค์, นนทบุรี, นราธิวาส, น่าน, บึงกาฬ, บุรีรัมย์, ปทุมธานี, ประจวบคีรีขันธ์, ปราจีนบุรี, ปัตตานี, พระนครศรีอยุธยา, พะเยา, พังงา, พัทลุง, พิจิตร, พิษณุโลก, เพชรบุรี, เพชรบูรณ์, แพร่, ภูเก็ต. มหาสารคาม, มุกดาหาร, แม่ฮ่องสอน, ยโสธร, ยะลา, ร้อยเอ็ด, ระนอง, ระยอง, ราชบุรี, ลพบุรี, ลำปาง, ลำพูน, เลย, ศรีสะเกษ, สกลนคร, สงขลา, สตูล, สมุทรปราการ, สมุทรสงคราม, สมุทรสาคร, สระแก้ว, สระบุรี, สิงห์บุรี, สุโขทัย, สุพรรณบุรี, สุราษฏร์ธานี, สุรินทร์, หนองคาย, หนองบัวลำภู, อ่างทอง, อำนาจเจริญ, อุดรธานี, อุครดิตถ์, อุทัยธานี และ อุบลราชธานี

 

สามารถติดตามรายชื่อร้านค้า ในโครงการธงฟ้าประชารัฐ จำนวน 1198 ทั่วไทย ใน 77 จังหวัด ได้ที่

เว็บไซด์ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์  https://www.dit.go.th/Content.aspx?m=8&c=27858

และหากพบเจอเบาะแสการค้ากำไรเกินควร โทรแจ้งผ่านสายด่วน 1569 

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด