TOP

‘Grande Centre Point Surawong’ จุดหมายพักผ่อนแห่งใหม่ ที่เหนือระดับกับการผสานวัฒนธรรมเข้ากับความสะดวกสบายได้อย่างลงตัว

กรุงเทพฯ เมืองท่องเที่ยวอันดับต้น ๆ ของโลกที่เปี่ยมเสน่ห์และมีสีสัน ศูนย์รวมความหลากหลายทางศิลปะ วัฒนธรรม และความทันสมัยรวมกันเป็นหนึ่งอย่างลงตัว เช่นเดียวกับย่านสุรวงศ์ ถนนสายแรก ๆ ของกรุงเทพฯ เชื่อมต่อยังถนนสายธุรกิจ อย่าง เจริญกรุง สาทร และถนนสายเอนเตอร์เทนเมนต์ยามค่ำคืน อย่าง พัฒน์พงษ์ และสีลม ทำให้เป็นย่านสำคัญแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน ที่มีความหลากหลายของผู้คน และมีความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรมของอาคารบ้านเรือน ผสมผสานวัฒนธรรมตะวันออกเข้ากับตะวันตก ทำให้เราได้ซึมซับกับความงดงามของเหล่าอาคารอันมีเอกลักษณ์ ผ่านงานดีไซน์หลายยุคสมัย ตั้งแต่นีโอคลาสสิก โคโลเนียล ไปจนถึงสมัยใหม่ ย่านสุรวงศ์จึงเป็นย่านที่มีเสน่ห์แตกต่างอย่างแท้จริง

แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯ โรงแรมหรูแห่งใหม่ใจกลางย่านสุรวงศ์ สูงตระหง่านท่ามกลางสี่แยกมเหสักช์ ตัดกับถนนสุรวงศ์ ที่คงเอกลักษณ์ด้านการออกแบบสะท้อนความมีชีวิตชีวาของย่านการค้าอันรุ่งเรือง ตั้งแต่ครั้งอดีตจนถึงปัจจุบัน ชวนให้ดื่มด่ำไปกับจิตวิญญาณของกรุงเทพฯ ผ่านเสน่ห์ของย่านตั้งแต่ก้าวแรกเมื่อเข้าสู่โถงบริเวณล็อบบี้ ที่ซึ่งวัฒนธรรมมาบรรจบกับความสะดวกสบาย สุดอลังการไปกับภาพเขียนลวดลายเส้นที่ถอดมาจากพิมพ์เขียว บอกเล่าเรื่องราววิถีชุมชนคนบางกอก ที่ไม่เคยหลับใหลในย่านสุดคลาสสิก สุรวงศ์ บางรัก เจริญกรุง พาหุรัด และเยาวราช สะท้อนกลิ่นอายเมืองเก่าเล่าประวัติศาสตร์ในรูปแบบสมัยใหม่ ให้เราได้สัมผัสผ่านทุกอณูของการออกแบบดีไซน์ได้อย่างลงตัว

อีกทั้งโรงแรมยังมีแนวคิดในการสนับสนุนกิจกรรมศิลปะที่เป็นความโดดเด่นของย่าน และมีการคอลแลปส์กับศิลปิน น้ำน้อย – ปรียศรี พรหมจินดา เพื่อส่งต่อแรงบันดาลใจใหม่ ๆ สู่การสร้างสรรค์งานออกแบบชิ้นสำคัญ ลายเส้นอันเป็นซิกเนเจอร์ที่อินสไปร์มาจากก้อนปุยเมฆ มีชื่อว่า Mekha สื่อถึง “ท้องฟ้าที่สว่างไสวในยามกลางวัน” รับกันกับชื่อของย่านดั้งเดิม “สุริยวงศ์” อีกด้วย โดยลวดลายสุริยะและก้อนเมฆนี้ เป็นส่วนหนึ่งของงานออกแบบที่ดึงดูดสายตาทั่วภายในโรงแรมและห้องพัก เปรียบดั่งการได้พักผ่อนบนเตียงนอนอันแสนสบาย ผ่อนคลายราวกับปุยนุ่มบนก้อนเมฆเช่นนั้น 

หรือแม้แต่นำไปรังสรรค์เป็นเมนูของหวานพอดีคำในชุดน้ำชายามบ่าย ให้นั่งชิลชิมของคาวหวานในวันสบาย ๆ รวมถึงลวดลาย Mekha ยังเป็นคอลเลกชันของที่ระลึกพิเศษ สามารถเลือกช็อปที่ Mekha Shop กลับบ้านได้อีกด้วย 

ความโดดเด่นเรื่องการออกแบบดีไซน์ เน้นความลักซ์ชัวรีมอบความสะดวกสบายผ่อนคลายในทุกโสตสัมผัส รูป รส กลิ่น เสียง ให้เป็นเมมโมรี่ที่น่าจดจำ นับเป็นหัวใจสำคัญของโรงแรม ที่พร้อมเปิดประตูเวลคัมแขกผู้เข้าพักด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด แม้แต่กลิ่นหอมที่ปรุงขึ้นเป็นพิเศษมีความอโรม่ารีเฟรช ให้แขกได้หวนรำลึกคิดถึงยามได้เข้าพักที่นี่ หรือเสียงเพลงจากเพลย์ลิสต์ที่คลอเคล้าด้วยจังหวะริทึ่มเสมือนนั่งอยู่ในคาเฟ่ฮิป ๆ แม้แต่แสงไฟก็ได้รับการออกแบบจาก Lighting Designer ไม่ว่าจะแสงวอร์มไลต์ หรือเดย์ไลต์จากดวงไฟแชนเดอเลียร์ทรงโมเดิร์น และดวงไฟในจุดต่าง ๆ ที่ได้รับการเลือกสรรค์ให้รับกับความหรูหราอย่างมีสไตล์ ล้วนแล้วแต่สื่อความหมาย เพื่อให้เฟรนลี่กับการถ่ายรูป รวมถึงเวลคัมดริงก์น้ำสีฟ้าสดใสพร้อมเกล็ดน้ำแข็งคล้ายริ้วเมฆ เติมความสดชื่นให้พร้อมออกสำรวจโรงแรมกันต่อ จะเห็นได้ว่า สีฟ้า สีน้ำเงิน และสีทอง เป็นคีร์คัลเลอร์ที่คลุมโทนของโรงแรม สื่อถึงเมืองฟ้าอมร กรุงเทพมหานครที่สดใสและมีความหลากหลายของวัฒนธรรมอันเป็นเสน่ห์ดึงดูดใจ 

สำหรับการพักผ่อนในทุกห้องพัก ได้รับการออกแบบให้ดื่มด่ำไปกับวิวเมือง ผ่านกระจกผืนกว้าง มอบวิวตึกสูงและแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ อาทิ วัดสระเกศ สะพานพระราม 8 แม่น้ำเจ้าพระยา มาพร้อมอ่างจากุซซี่ขนาดใหญ่พิเศษ ให้นอนแช่ตัวไปพร้อมชมวิวผ่านกระจกบานใหญ่ และกระจกผืนยาวของอ่างล้างหน้ายิ่งช่วยเสริมให้ห้องน้ำดูกว้างขึ้น สำหรับห้องนอนรับรองด้วยเตียงคิงไซส์หรือเตียงแฝด ที่หัวเตียงมีผลงานศิลปะลาย Mekha อีกทั้งยังครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและเทคโนโลยีอันทันสมัย ฟรีมินิบาร์ และพื้นที่ทำงานที่สะดวกสบาย พร้อมม่านไฟฟ้า 2 ชั้น ที่ออกแบบมาเพื่อการนอนหลับอย่างมีคุณภาพ

ในส่วนของห้องพักพร้อมให้บริการ 6 รูปแบบ ขนาดเริ่มต้นตั้งแต่ 44 – 106 ตารางเมตร โดยห้องพักเริ่มต้นที่ Deluxe Room (ห้องดีลักซ์) ขนาด 44 ตารางเมตร, ห้อง Deluxe Connecting (ห้องดีลักซ์ คอนเนคติ้ง) มอบพื้นที่กว้างขวาง 88 ตารางเมตร ที่เชื่อมต่อกันสองห้องแสนสะดวกสบาย, ห้อง Premium Room (ห้องพรีเมียม รูม) ราวกับอยู่บนหอคอยสูง ด้วยห้องพักขนาด 44 ตารางเมตร, ห้อง Premium Connecting (ห้องพรีเมียม คอนเนคติ้ง) อัปเกรดพื้นที่ให้กว้างขวางถึง 88 ตารางเมตร ด้วยห้องพรีเมียมที่เชื่อมต่อกัน 2 ห้อง พร้อมวิวเมือง, ห้อง Executive Room (ห้องเอ็กเซ็กคิวทีฟ รูม) ขนาด 62 ตารางเมตร มอบพื้นที่ภายในกว้างและหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดาน เปิดรับแสงธรรมชาติตั้งแต่เช้าจรดบ่าย, ห้อง Family Executive (ห้องแฟมมิลี่ เอ็กเซ็กคิวทีฟ) ทำให้การพักผ่อนกับครอบครัวยิ่งผ่อนคลายในพื้นที่ 106 ตารางเมตร ที่มีห้องนอน 2 ห้อง พร้อมประตูเชื่อมถึงกัน

การใส่ใจในรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เป็นเสน่ห์ของ แกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯ ที่เติมเต็มความต้องการของผู้เข้าพัก โดยคำนึงถึงความสะดวกสบายเป็นหลัก เตียงที่นอนสบาย Personal Life สามารถจัดให้เป็นเตียงเดี่ยวหรือคู่ได้ทุกห้องพักตามความต้องการ รวมถึงโซฟายังสามารถปรับเป็นโซฟาเบดได้อีกด้วย และพรีเมียมการเลือกใช้วัสดุในทุกการตกแต่ง ดีงามกับหลายช่องเสียบปลั๊กที่รองรับทั้ง USB, Universal และ Type C ในการใช้งานรองรับกับความสมัยใหม่ของอุปกรณ์ไฟฟ้าทุกรูปแบบ และทุกชั้นของห้องพัก ยังมีบริการตู้ขนม เครื่องดื่ม ให้หยอดเหรียญ รวมถึงตู้น้ำแข็งให้บริการฟรีอีกด้วย

อีกแนวคิดที่ทันสมัยและสนุกขึ้น ผู้เข้าพักจะได้รับ เหรียญโทเคน จำนวน 5-8 โทเคน สำหรับการแลกเปลี่ยนเป็นบริการภายในส่วนต่าง ๆ ของโรงแรม อย่าง บริการสระว่ายน้ำ, บริการสปา, บริการเกมที่โซน Game Room หรือจะแลกเป็นของที่ระลึกก็ได้

อีกการพักผ่อนที่นับว่าถูกอกถูกใจและเป็นสีสันไม่น้อยสำหรับคนยุคใหม่ ให้สามารถจอยกิจกรรมด้วยกันได้อย่างสนุกสนานที่ห้อง เกม รูม (Games Room) เกมที่ได้รับการคัดสรรค์อยู่บนความนิยมของคนชอบความท้าทาย อาทิ เครื่องเล่น PlayStation 5, เครื่องอาร์เคด, แอร์ฮอกกี้ และโต๊ะพูล ถัดไปเป็น ห้องสตรีมซาวน่า และห้องออกกำลังกายพร้อมเครื่องแมชชีนหลากหลายที่ The Fit Club อีกทั้งโรงแรมยังจัดโปรแกรมออกกำลังกายโดยเทรนเนอร์ หรือกิจกรรมโยคะ เสิร์ฟให้กับคนรักสุขภาพอีกด้วย

ในชั้นเดียวกันเชื่อมสู่ สระว่ายน้ำกลางแจ้ง สกาย พูล (Sky Pool) พื้นที่ไฮไลต์ให้อิ่มเอมเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพของมหานครอันงดงามแบบพาโนราม่า ทั้งกลางวันและกลางคืน สัมผัสประสบการณ์เหนือระดับที่แตกต่าง มอบความผ่อนคลายด้วยสระว่ายน้ำไร้ขอบผืนยาวให้แหวกว่ายลอยคอชมวิวพระอาทิตย์ซันเซ็ตได้แบบเต็มตา พร้อมจิบเครื่องดื่มเย็น ๆ หรือรับอาหารว่างเบา ๆ ริมสระปล่อยใจชิลชมวิวเมือง ณ Poolside At Sky Pool

หรือจะผ่อนคลายยามบ่ายคืนความสดชื่นอย่างมีชีวิตชีวาด้วยบริการนวดที่ เล็ทส์ รีแลกซ์ สปา (Let’s Relax Spa) สาขาใหม่ล่าสุด ที่ตกแต่งในแบบ Colonial European Style เรียบหรูเน้นโทนสีขาว ออฟ ไวท์ ในสีแบบ monotone ที่มอบความรู้สึกนุ่มนวลสบายตา

พร้อมให้บริการอย่างเป็นส่วนตัวด้วยเทอราปิสท์ที่มากประสบการณ์ กับซิกเนเจอร์ออยให้เลือกมากถึง 6 กลิ่น และสมุนไพรสครับผิวสกัดจากธรรมชาติ ที่มอบกลิ่นสดชื่นและผ่อนคลายแบบสุด ๆ ให้เพลิดเพลินไปกับทรีตเมนต์หลากหลาย เลือกสรรได้ตามความโปรดปราน อย่าง นวดแผนไทย, นวดน้ำมันหอมระเหย, นวดหินร้อน, นวดน้ำมันอุ่น, ขัดผิว และพิเศษไม่เหมือนที่ไหนด้วยการนวดแผนไทย 4 มือที่มีเทอราปิสต์ 2 คน ให้บริการนวดพร้อมกัน สมกับเป็นบูติคเดย์สปาไทยคุณภาพที่การันตีด้วยรางวัลมากมาย หรือถ้าเดินท่องเที่ยวจนเมื่อย เข้ามานวดเท้าก็ช่วยให้สบาย และยังได้รับประทานข้าวเหนียวมะม่วงแสนอร่อย สูตรเฉพาะของทางสปา เสิร์ฟหลังจากรับบริการ ที่แอดขอการันตีว่าอร่อยสุดยอด! ซอฟต์พาวเวอร์เบา ๆ ที่มัดใจทั้งเราชาวไทยและชาวต่างชาติ

เมื่อสบายตัวกันแล้ว ก็ได้เวลาไปอิ่มอร่อยกับ 2 ภัตตาคารอาหารที่มีเอกลักษณ์ และถูกปากยิ่งนักสำหรับนักชิม เริ่มกันที่ ภัตตาคารอาหารจีนฮัว (Huá) ตกแต่งร้านในสไตล์จีนร่วมสมัย เน้นความโปร่งโล่งด้วยกระจกบานใสผืนยาวรับแสงธรรมชาติ รวมถึงเส้นสายโค้งมนเพิ่มความหรูหราด้วยโทนสีครีมทอง และตกแต่งด้วยผืนผ้าระย้าจากเพดานเน้นสีแดงและสีน้ำเงิน พิมพ์ลวดลาย Mekha ที่สื่อถึงก้อนเมฆและสุริยะ เขียนตัวอักษรจีน

ในไลน์ของอาหารคัดสรรสารพันเมนูจานเด็ด พร้อมเคล็ดลับความอร่อยจากสุดยอดวัฒนธรรมสตรีตฟู้ดไทยจีนฮ่องกง ไม่ว่าจะเป็นอาหารเช้าแบบเอเชียนสไตล์ อาหารกลางวันสไตล์เยาวราชฮ่องกงมิกซ์ และอาหารเย็นลิ้มรสเมนูเด็ดที่ไม่ควรพลาด อย่าง เป็ดและไก่ย่างอันเลื่องชื่อ เสิร์ฟพร้อมกับ โจ๊ก และ บะหมี่สไตล์ฮ่องกง ที่เชฟผู้เชี่ยวชาญรังสรรค์ขึ้นอย่างพิถีพิถัน กระเพาะปลาหม้อดิน ที่ตุ๋นเข้ากับเครื่องปรุงหลายชนิดจนกลมกล่อม ยังมี หมูสามชั้น เนื้อนุ่มหนังกรอบบาง และที่ขาดไม่ได้คือ แฮมยูนนาน ทุกจานดื่มด่ำความสดใหม่ในทุกวัน เปิดให้บริการตลอดวัน ตั้งแต่เวลา 06.00 – 23.00 น. ที่ชั้น L แม้ไม่ได้เข้าพักโรงแรมก็สามารถเข้ารับบริการได้

และสำหรับคนรักเนื้อ ต้องห้ามพลาดลิ้มลองสเต๊กเฮาส์สไตล์อเมริกัน ณ ภัตตาคารอาหารบางรักกริลล์รูฟท็อป (Bangrak Grill) บางรักชื่อย่านอันคุ้นเคย ห้องอาหารที่เรียบหรูในสไตล์ตะวันตก สถาปัตยกรรมคลาสสิกสมัยใหม่ ที่โดดเด่นด้วยเส้นสายโค้งมนแบบโคโลเนียล ประตูบานเกร็ด คลุมโทนสีเขียวตุ่นตัดกับขอบสีทองหรูหรา นั่งรับประทานมื้อกลางวันยันมื้อดินเนอร์ ในบรรยากาศที่โปร่งโล่งด้วยกระจกบานสูงเปิดรับแสงธรรมชาติ ชวนให้สัมผัสประสบการณ์ใหม่แบบภัตตาคารอาหารลอยฟ้า ดื่มด่ำวิวกรุงเทพฯ และวิวแม่น้ำเจ้าพระยา ท่ามกลางท้องฟ้าสุดตระการตาแห่งมหานครจากมุมสูงชั้น 30 ของโรงแรม

สำหรับหลากเมนูซิกเนเจอร์ที่โดดเด่น ได้รับการคัดสรรค์วัตถุดิบสุดพรีเมียมจากแหล่งต่าง ๆ อย่างเมนู Bangrak Angus Tomahawk Florentine Style เชฟเลือกใช้เนื้ออเมริกันอิมพอร์ตที่ทั้งนุ่มฉ่ำและรสชาติเข้มข้น เสิร์ฟพร้อมซอส 3 แบบ 3 สไตล์ หรือจะเป็นเมนูขึ้นชื่ออย่าง Bangrak Pork Knuckle Pot Pie จานเด็ดระดับตำนานของย่านบางรักที่นำมาปรุงใหม่ ใช้เวลาบรรจงเคี่ยวขาหมูจนนุ่มอร่อย และรสชาติเข้าเนื้อ เสริมรสด้วยผักดองและน้ำพะโล้กลมกล่อม เพิ่มความกรอบเบาด้วยแป้งพาย, หรือจะเป็นเมนู Coconut Shrimp กุ้งชุปเกล็ดมะพร้าว และอีกมากมายหลายเมนู

รวมถึงสองเมนูซิกเนเจอร์เครื่องดื่มเติมความสดชื่น อย่าง Bangrak Kiss ที่มีส่วนผสมของกรีนาดีนสีแดง สับปะรด และออนทอปด้วยมิลค์โฟม ตกแต่งด้วยดอกไม้รับประทานได้ รวมถึง The Sunrise เครื่องดื่มสีสันสดใสราวดั่งแสงอาทิตย์ยามเช้า ประกอบด้วยน้ำส้มเป็นเบส น้ำแตงโม มอบเลเยอร์สีแดงส้มสวยงาม ให้รสชาติหวานอมเปรี้ยวถูกใจสาว ๆ Bangrak Grill เปิดให้บริการมื้อกลางวันเวลา 10.00 – 15.00 น. และดินเนอร์เวลา 17.00 – 23.00 น.

นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและทันสมัยที่สุดได้รวมอยู่ ณ โรงแรมแห่งนี้ ยังตอบโจทย์ทั้งกลุ่มบิสิเนสที่ต้องการห้องประชุมไพรเวท ปรับรูปแบบได้ตามความต้องการ รวมไปถึงห้องจัดเลี้ยงงานรูปแบบต่าง ๆ มาพร้อมเทคโนโลยีจอ LED ขนาดใหญ่รุ่นใหม่ล่าสุด ที่สามารถต่อกันให้ยาวพิเศษ และระบบแสงเสียงทรงประสิทธิภาพยอดเยี่ยม เรียกว่าครบจบในที่เดียวเลย

จากทำเลที่ตั้งของโรงแรมอยู่ใจกลางย่านสำคัญของกรุงเทพฯ ทำให้การเดินทางสะดวกสบายด้วยตัวเลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น รถส่วนตัว แท็กซี่ ทางเรือ หรือรถไฟฟ้า ซึ่งโรงแรมอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สุรศักดิ์ เพียง 550 เมตร และห่างจากท่าเรือตากสินราว 550 เมตรเช่นกัน ลองมาเปิดประสบการณ์สเตเคชั่นสัมผัสเสน่ห์วิถีชิวิตคนเมืองย่านวัฒนธรรม สองริมทางที่สามารถเดินสนุกอันเปี่ยมด้วยเคาว์เจอร์ที่มีความเป็นโลเคิลของสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงโรงแรม อย่าง ตลาดน้อย ท่าเรือตากสิน เยาวราช และถนนเจริญกรุง และทางโรงแรมยังมีบริการรถชัตเตอร์บัสรับส่งอีกด้วย

📍 ปักหมุด: โรงแรมแกรนด์ เซนเตอร์ พอยต์ สุรวงศ์ กรุงเทพฯ 

🚄 การเดินทาง: เดินทางสะดวกจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สุรศักดิ์ หรือเดินทางโดยเรือแม่น้ำเจ้าพระยา

☎️ สำรองห้องพัก: โทร: 0 2079 5888

📧 Email: surawong@gcphotels.com

🤳 Line@: @gcpsurawong

🤳 Facebook: @gcpsurawong 

🌐 เว็บไซต์: www.grandecentrepointsurawong.com

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด