TOP

ความมหัศจรรย์ที่มากกว่าความสดชื่น ของน้ำแร่ Iceland Spring ที่ ‘เฟย์-อรชุมา ดุรงค์เดช’ ขอบอกต่อ!

Water DOES matter!

เมื่อความคุ้นชินอาจทำให้สิ่งสำคัญบางอย่างถูกหลงลืม จนเมื่อเกิดผลกระทบย้อนกลับมา แล้วจึงค่อยรู้ตัว ดังเช่นเรื่องของ “น้ำ” เพราะแม้จะเป็นส่วนประกอบสำคัญในร่างกาย ทว่ามักถูกมองข้าม จนนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพ แต่สำหรับผู้หญิงสวยและเก่ง อย่าง คุณเฟย์ อรชุมา ดุรงค์เดช ผู้บริหารบริษัท เอชทูโอ – ไฮโดร จำกัด ที่นำเข้าและจำหน่ายน้ำแร่ Iceland Spring ในประเทศไทย เธอไม่รอให้ถึงวันนั้น แต่กลับเลือกที่จะให้ความสำคัญและไปศึกษาเพิ่มเติม จนกลายเป็นคนไทยเพียงไม่กี่คนที่ได้รับการยอมรับในฐานะ Water Sommelier

Miracle of Water

ด้วยเพราะเติบโตขึ้นมากับธุรกิจของครอบครัว ซึ่งเป็นผู้ผลิตเครื่องกรองน้ำ แบรนด์ Mazuma จึงทำให้สาวเก่งคนนี้มองเห็นถึงคุณค่าและความสำคัญของ “น้ำ” โดยเธอมองว่า “น้ำเป็นส่วนประกอบในร่างกายที่สูงมากถึง 75 – 80% โดยเฉพาะสำหรับเด็กเล็กอาจจะสูงมากถึง 80 – 90% เนื่องจากว่ายังไม่มีกระดูกและโครงสร้างอื่น ๆ ที่แข็งแรง สำหรับผู้ใหญ่ยิ่งอายุเพิ่มมากขึ้นน้ำในร่างกายจะลดลงเหลือประมาณ 70% แต่ทั้งนี้น้ำก็ยังคงเป็นส่วนประกอบหลักอยู่ดี แต่หลาย ๆ ครั้งเราจะไม่ตระหนักถึงความสำคัญจนกว่าจะรู้สึกหิวน้ำ กระหายน้ำ แล้วถึงดื่ม ซึ่งในความเป็นจริงถ้าเราอยู่ในภาวะกระหายน้ำ นั่นแสดงว่าร่างกายเริ่มขาดน้ำอย่างรุนแรง ให้ลองสังเกตว่าถ้าไม่ดื่มน้ำทั้งวัน จะเริ่มคอแห้ง พอถึงตอนเย็นจะเริ่มหงุดหงิด ปวดหัว หรือถ้าแย่ไปกว่านั้นคืออาจเกิดภาวะท้องผูก ปากแห้ง เจ็บคอ ถ้าปล่อยไว้จะทำให้เลือดข้น ส่งผลให้ร่างกายไม่สามารถลำเลียงสารอาหารไปตามอวัยวะต่าง ๆ ได้ ทำให้มีโอกาสการติดเชื้อสูง และสำหรับผู้หญิงที่มีภาวะขาดน้ำ จะทำให้ผิวแห้ง ไม่สดใสเปล่งปลั่ง ซึ่งผิวเป็นตัวสะท้อนว่าอวัยวะภายในเริ่มไม่ดีแล้ว นี่จึงเป็นเหตุผลที่เฟย์ดูแลตัวเอง และให้ความสำคัญกับการดื่มน้ำ”

ต่อมาเมื่อเธอได้รู้จักกับน้ำแร่ธรรมชาติที่มีความบริสุทธิ์มากที่สุด และมีค่าความเป็นด่างสูงถึง pH 8.88 ซึ่งสามารถช่วยรักษาโรคภูมิแพ้ให้กับคนใกล้ตัวของเธอได้ ก็ยิ่งทำให้เธอรู้สึกทึ่งในความมหัศจรรย์ของน้ำยิ่งขึ้นไปอีก “พี่ชายของเฟย์เป็นโรคภูมิแพ้ จะมีเม็ดขึ้นที่หลังแขนกับหลัง จนวันหนึ่งเขาได้เจอกับ CEO ของ Iceland Spring ที่แนะนำให้ดื่มน้ำวันละ 4 ขวด เช้ากลางวันเย็นก่อนนอน ต่อเนื่องทุกวันเป็นเวลา 4 – 6 เดือน และจะเห็นความแตกต่างในร่างกาย ซึ่งพอลองไป 3 เดือน อาการภูมิแพ้เม็ดๆ ที่หลังแขนที่เมื่อก่อนต้องกินยาแล้วไม่รู้สาเหตุก็เริ่มยุบ ด้วยคุณสมบัติ 2 อย่างที่แตกต่างจากน้ำยี่ห้ออื่นคือค่า pH ที่สูงที่สุดในโลกคือ pH 8.88 ซึ่งโดยทั่วไปค่า pH จะเริ่มตั้งแต่ 1 – 14 เพราะฉะนั้น 7 คือค่ากลาง ต่ำกว่า 7 คือกรด สูงกว่า 7 คือด่าง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ทำการวิจัยออกมาแล้วว่า ถ้าร่างกายของเรามีค่า pH อยู่ประมาณ 7.3 – 7.4 จะทำให้ระบบการไหลเวียนเลือดในร่างกายดี ซึ่งสำหรับ Iceland Spring อยู่ที่ 8.88 นั่นแปลว่ามีความเป็นด่างอ่อน ๆ รวมถึงยังเป็นน้ำที่บริสุทธิ์มาก ๆ คนที่เป็นโรคนิ่ว โรคไตดื่มแล้วไม่สะสม ถึงแม้จะเป็นน้ำแร่ก็ตาม”

 

Water Sommelier to Be

เมื่อได้เห็นถึงความน่าอัศจรรย์ของน้ำ สาวเก่งอย่าง คุณเฟย์ จึงเลือกที่จะศึกษาเรื่องน้ำอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น พร้อมก้าวขึ้นมาเป็นคนไทยเพียงไม่กี่คนที่เชี่ยวชาญเรื่องน้ำในฐานะ ‘Water Sommelier’ จากวิทยาลัยโดเมนส์ ประเทศเยอรมนี “คนที่ทำอาชีพ Water Sommelier มีอยู่ประมาณ 500 คน จากทั่วโลก ในขณะที่ Wine Sommelier มีเป็นหมื่น ๆ คน ซึ่งทั้งสองอย่างนี้มีความคล้ายคลึงกัน สำหรับคนทั่วไปอาจมองว่าน้ำแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ Still กับ Sparkling โดย Sparkling คือน้ำที่มีฟอง มีความซ่า เพราะมีแก๊สอยู่ในนั้น ในขณะที่ Still ก็คือน้ำเปล่าธรรมดา แต่จริง ๆ แล้วยังแยกประเภทของ Still ลงไปอีกว่า เป็นน้ำเปล่าที่ปรุงแต่งผ่านเครื่องกรองน้ำ หรือเป็นน้ำแร่จากธรรมชาติ ส่วนใน Sparkling ก็เช่นเดียวกัน คือเป็นแบบอัดแก๊สทำด้วย Man Made หรือเป็น Sparkling โดยธรรมชาติ ซึ่ง Water Sommelier จะสามารถทำหน้าที่เป็นผู้คอยให้คำแนะนำแก่ร้านอาหาร ในการจับคู่เมนูอาหารกับน้ำ ว่าอาหารจานนี้ควรดื่มกับน้ำแบบไหนถึงจะเสริมให้รสชาติอาหารดีขึ้น หรือแม้กระทั่งของหวานก็เช่นเดียวกัน เหมือนไวน์ที่ Pairing คู่กับอาหาร นอกจากนี้ Water Sommelier ยังสามารถแนะนำได้ว่าน้ำแบบไหนควรเอาไว้ชงกาแฟ เพื่อเสริมรสชาติกาแฟให้ดียิ่งขึ้น ยิ่งไปกว่านั้น Water Sommelier ยังสามารถให้คำปรึกษากับบริษัทหรือโรงงานที่อยากจะผลิตน้ำของตัวเองได้ด้วย”

ด้วยความสำคัญของน้ำ บวกกับการศึกษาเรื่องน้ำมาอย่างลึกซึ้ง คุณเฟย์จึงได้ให้คำแนะนำในการดื่มน้ำแก่ผู้อ่าน AROUND ว่า “ก่อนอื่นต้องดูว่าน้ำหนักตัวเท่าไหร่ แล้วเอามาหารด้วย 30 นั่นคือ Minimum น้ำที่คุณจะต้องดื่ม เริ่มต้นจากปริมาณน้ำ Minimum ที่ต้องดื่มก่อน แล้วค่อยดูต่อไปว่าแต่ละวันพูดเยอะไหม ถ้าเยอะต้องดื่มมากกว่านั้น หรือถ้าวันไหนออกกำลังกายใช้การเดินเยอะก็ต้องดื่มเพิ่มขึ้นอีก เพราะนี่คือที่ร่างกายแต่ละคนต้องการ คือขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัว และไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิต โดยลักษณะการดื่มน้ำควรจะดื่มน้ำอุณหภูมิห้องต่อเนื่องตลอดทั้งวัน เช้ากลางวันเย็นก่อนนอน เพราะเมื่อเราดื่มน้ำเย็นร่างกายต้องใช้เวลาปรับอุณหภูมิเป็นอุณหภูมิปกติ ก่อนดูดซึมไปยังส่วนต่าง ๆ ยิ่งถ้าน้ำเย็นจัดก็ยิ่งต้องใช้เวลามากในการปรับ หรือถ้าต้องการดื่มน้ำแล้วได้ประโยชน์ต่อร่างกาย ควรเลือกดื่มน้ำด่างที่ pH สูง เพราะอาหารทุกชนิดที่ผ่านความร้อน จะมีค่าความเป็นกรด ซึ่งจะทำให้มีโอกาสเป็นโรคต่าง ๆ เช่น โรคเก๊า, โรคกระเพาะ, กรดไหลย้อน, สิว, โรคผิวหนัง ภูมิแพ้ได้

 

แต่ถ้าจะให้ผลลัพธ์ที่ดียิ่งขึ้น ควรเลือกดื่มน้ำด่างธรรมชาติ ที่ไม่ใช่น้ำด่างประดิษฐ์ ส่วนการสร้างวินัยเรื่องการดื่มน้ำ ควรจะต้องมีน้ำติดตัวตลอดเวลา 1 ขวด บนโต๊ะทำงาน 1 ขวด ในกระเป๋า 1 ขวด ตรงข้างหัวนอน 1 ขวด ในรถ 1 ขวด ดื่มให้ได้อย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เป็น KPI ให้ตัวเอง ทำ 3 อาทิตย์ จะเริ่มติดเป็นนิสัย เพราะนักจิตวิทยาบอกว่าถ้าเราทำอะไรต่อเนื่องซ้ำ ๆ กันต่อเนื่อง 21 วัน จะเริ่มกลายเป็นความคุ้นชินของเรา ลองทำดูค่ะ

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด