TOP

อีกมุมของ สู่ขวัญ บูลกุล นักวางแผนการเงินอย่างมืออาชีพ

เมื่อชีวิตเป็นเรื่องของ ‘ความไม่แน่นอน’ และ ‘ความคาดหวัง’ ก็มักเกิดขึ้นเสมอกับทุกคนในทุกสถานการณ์ของชีวิต ดังนั้น ‘การวางแผน’ จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เจอกับปัญหา ก็จะสามารถก้าวผ่านไปได้ยิ่งหากมีการวางแผนที่ดีมากเท่าไหร่ผลลัพธ์ที่ได้ก็อาจมากเกินกว่าสิ่งที่ตั้งความหวังไว้

ในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา เราต้องเผชิญกับปัญหาและภาวะความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นรายวัน AROUND ฉบับนี้จึงขอชวนสาวเก่งรอบด้านอย่าง สู่ขวัญ บูลกุล กลับมาสร้างความสดใสด้วยแฟชั่นเซ็ตสวยหรูพร้อมแชร์ประสบการณ์การวางแผนการเงินอย่างมืออาชีพ เพื่อให้สามารถก้าวผ่านวิกฤตการณ์ครั้งนี้ไปได้ด้วยดี ซึ่งถึงแม้ว่าภาพลักษณ์ของเธอจะดูเป็นสาวนักช้อปที่เธอเองยอมรับว่าเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าลักษณะนิสัยนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่คงจะเป็นลักษณะนิสัยที่ติดตัวมาของผู้หญิง แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ได้รับการปลูกฝังในเรื่องของการวางแผนและการเก็บเงินมาตั้งแต่เมื่อครั้งยังเป็นเด็ก

“ตั้งแต่เด็กจะถูกสอนว่าต้องประหยัด ไม่ฟุ่มเฟือยถึงแม้ว่าจะมีเงินแต่ก็ไม่ใช่หมายความว่าจะใช้อะไรอย่างไรก็ได้ แต่ก็ไม่ใช่ว่าของแพงห้ามซื้อต้องซื้อแต่ของถูกเท่านั้น คือที่บ้านพี่ขวัญจะถูกสอนมาในลักษณะว่าอะไรที่จำเป็นแม้จะแพงก็ต้องซื้อแต่อะไรที่ไม่จำเป็นแม้จะถูกก็ไม่จำเป็นต้องซื้อ เราไม่ได้ถูกสอนว่าต้องซื้อของถูกหรือต้องซื้อของแพง แต่สำหรับเราจะเป็นเรื่องของความฟุ่มเฟือยว่าเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องและความตระหนี่ถี่เหนียวก็ไม่ดีกับตัวเองเช่นกัน ดังนั้นการใช้จ่ายก็เลยจะใช้ไปกับสิ่งที่ควรและอยู่ในขอบเขตความสามารถที่เราสามารถรับผิดชอบค่าใช้จ่ายสิ่งต่างๆ เหล่านี้หรือการใช้จ่ายสิ่งต่างๆ เหล่านี้ไม่สร้างให้เกิดความเดือดร้อนต่อตัวเองคนอื่นทั้งปัจจุบันและอนาคต นั่นก็เป็นสิ่งที่ตัวเองจะต้องตัดสินใจ ยกตัวอย่างเวลาจะไปเที่ยวต่างประเทศในส่วนของที่พักขอให้อยู่ในที่ที่ดี อย่าไปประหยัดแล้วต้องไปอยู่ใน area ที่ไม่ดีแต่กินก็อาจจะกินเบาๆ หน่อยไม่ต้องกินหรูหราอลังการทุกมื้อคือจะเป็นคอนเซ็ปต์ว่าอะไรจำเป็นต้องจ่ายขอให้จ่าย แต่อะไรไม่จำเป็นต้องจ่ายถึงแม้จะถูกก็ไม่จำเป็นต้องจ่าย ซึ่งพี่ขวัญว่าก็คงจะเหมือนๆ กับทุกบ้านที่ว่าคุณพ่อคุณแม่ทุกบ้านคงมีการปลูกฝังรูปแบบการใช้จ่ายอาจจะแตกต่างกันบ้างเล็กน้อย แต่พี่ขวัญก็เชื่อว่าหลักๆ โดยทั่วไปก็คงจะสอนว่าในวัยเริ่มต้นของชีวิตให้รู้จักประหยัดมัธยัสถ์หรือถ้าสมมติวันหนึ่งข้างหน้า สามารถทำงานหาเงินได้มีฐานะมั่นคงแล้วจะใช้จ่ายอย่างไรก็เป็นเรื่องของตัวเอง”

จากการปลูกฝังดังกล่าว นั่นจึงทำให้แม้ว่าปัจจุบันเธอจะมีอิสระทางด้านการใช้จ่ายอย่างเต็มตัวแต่ก็ยังคงใช้ชีวิตอยู่บนหลักการพื้นฐานเช่นเดิม “ทุกวันนี้แม้ว่าจะมีรายได้เป็นของตัวเอง มีการบริหารจัดการเงินเองแต่พี่ก็ไม่เคยมีความอยากได้อะไรมากจนถึงขั้นเดือดร้อนใจ นอนไม่ได้หรือว่าทนไม่ได้ต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งสิ่งนั้น ไม่เคยมีเลยไม่เคยมีสักอย่างในชีวิตที่พี่อยากได้ขนาดนั้น เพราะพี่มีความรู้สึกว่าในยุคปัจจุบันมันเป็นยุคของ consumer ทุกอย่างถูกสร้างขึ้นมาเพื่อที่จะให้เราซื้อ ซึ่งถ้าเราไม่ได้สิ่งนี้ เดี๋ยวเดือนหน้าก็มีสิ่งใหม่หรืออีก 3 เดือนก็ออกซีซั่นใหม่ เพราะฉะนั้นพี่ก็เลยไม่มีความรู้สึกอยากได้อะไรมากๆ จนถึงขั้นนอนไม่หลับอาจจะมีบ้างที่อยากได้ เห็นแล้วชอบ แต่ถ้าเขาขายไปแล้ว เราก็โอเคจบ ไม่เคยต้องดิ้นรนบางทีก็อาจจะมีถามบ้างเหมือนกันว่าสั่งอีกได้ไหม แต่ถ้าเขาบอกว่าไม่มีไม่ได้ผลิตแล้ว พี่ก็โอเคจบก็หาอย่างอื่นเดี๋ยวก็ไปชอบอย่างอื่นอีกอยู่ดีค่ะ”

ถึงจะมีการจัดการมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อต้องเผชิญกับภาวะวิกฤตและความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องได้รับผลกระทบ แต่ด้วยการวางแผนที่ดี บวกกับตัวช่วยที่มากด้วยความสามารถและประสบการณ์ก็ทำให้เธอสามารถรอดพ้นวิกฤตและยืนหยัดอยู่ได้ “ตอนที่โควิด-19 มาใหม่ๆ คนก็คาดเดาตลาดหุ้น ตลาดเงิน กันไปต่างๆ นานา ซึ่งพี่ขวัญเองก็กังวลเหมือนกัน เพราะเราก็มีเงินพาร์ทหนึ่งที่อยู่ในตลาดเงินตลาดทุน แล้วเราก็เป็นซิตี้โกลด์เมมเบอร์ พี่ขวัญก็เลยจะคุยกับตัวแทนของเราอยู่ตลอดว่าเป็นอย่างไรบ้างเพราะพี่คิดว่าทุกคนที่มีเงินออมเป็นของตัวเองการบริหารเงินออมนั้นไม่ได้หมายความว่าเรายกหน้าที่ความรับผิดชอบทั้งหมดให้กับเมเนเจอร์ของเราแต่มันเป็นหน้าที่ส่วนหนึ่งของเราที่ต้องติดตามทำความเข้าใจสภาพตลาดด้วย ซึ่งพี่ขวัญก็ยอมรับว่าในสภาพตลาดแบบนี้เราไม่กระเทือนมันเป็นไปไม่ได้

ในวันนี้พี่ขวัญบอกเลยว่าเรารู้สึกเห็นคุณค่าของซิตี้โกลด์ขึ้นมากไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาเราไม่เห็นคุณค่าเขานะ แต่ ณ จุดนั้นถ้าเราไม่ได้เขาเนี่ยเราทำเองไม่ไหวในโอกาสแบบนี้เราไม่รู้ว่าตลาดเป็นอย่างไร เราควรขายตัวไหนและความเร็วในการขายจะพอไหม พูดสั้นๆ ง่ายๆ ก็ได้ว่าเราไม่มีปัญญาที่จะบริหารกองทุนของตัวเองในภาวะวิกฤตแบบนั้นให้รอดพ้นจากวิกฤตไปได้ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นการตอกย้ำตัวเองว่าเราเลือกพาร์ทเนอร์ของเราไม่ผิดจริงๆ ถ้าที่ผ่านมาพี่ขวัญไม่ได้มีพาร์ทเนอร์ชิพที่ดีอย่างซิตี้โกลด์ พี่พูดจริงๆ ว่าพี่ไม่มีปัญญาบริหารกองทุนของตัวเองให้ survive crisis ได้แน่ๆที่สำคัญนี่ไม่ใช่แค่ survive นะ แต่พี่กำไรจากช่วงที่ผ่านมาขนาดนี้ ซึ่งพี่ก็ต้องขอบคุณซิตี้โกลด์อย่างมากเลย”

สำหรับคนทั่วไปที่ได้รับผลกระทบจากวิกฤตครั้งนี้ สาวคนเก่งมากความสามารถก็ได้ฝากคำแนะนำว่า “ในสถานการณ์แบบนี้ แน่นอนว่าทุกคนได้รับผลกระทบ และอาจจะมีหลายธุรกิจที่ต้องปิดตัวลง แต่ในขณะเดียวกันมันเป็นโอกาสให้ตั้งหลายธุรกิจที่เกิดขึ้นมาใหม่ได้ในช่วงนี้เหมือนกันเพราะฉะนั้นก็ต้องคิดย้อนกลับไปที่จุดเริ่มต้นว่าในชีวิตส่วนตัวและการทำงานถ้าเราไม่ประมาท เราสร้างความมั่นคงของเราได้ดีพอ เมื่อเกิดวิกฤติเราก็จะผ่านมันไปได้ แต่แน่นอนการใช้จ่ายเงินในช่วงแบบนี้คงต้องคิดมากขึ้นว่าควรหรือไม่ควร ซึ่งก็ไม่มีอะไรเสียหายถ้าเราจะตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาท อย่างที่พี่ขวัญบอกก็คือมันก็คงต้องตอบกว้างๆ อย่างนี้ว่าทั้งการบริหารเงินส่วนตัว ทั้งการบริหารธุรกิจถ้าแต่เดิม หรือจะเรียกว่าเป็นผลบุญก็ได้ เรามีความไม่ประมาทในการบริหารจัดการ ไม่ว่าจะในเรื่องของการกู้การขยายธุรกิจหรือการวางแผนธุรกิจที่จะก้าวต่อไปในอนาคต เราทำโดยผ่านการคิดที่รอบคอบ มีทีมที่ดี พี่ขวัญว่าช่วงนี้ลำบากแต่มันมีทางไปคือถ้าเราวางแผนทุกอย่างเอาไว้ วันนี้สิ่งที่เราทุ่มเท ที่เราคิดที่เราวางแผนมันก็น่าจะมาช่วยโอบอุ้มเราให้ผ่านวิกฤตยากๆ นี้ไปได้ค่ะ”

นอกเหนือจากเรื่องการบริหารจัดการการเงินแล้ว การจัดการด้านจิตใจก็สำคัญ โดยเฉพาะในช่วงเวลาแบบนี้ซึ่งสาวคนเก่งก็ได้ส่งกำลังใจพร้อมทิ้งท้ายว่า “เรื่องความเครียดมันก็คงมีคือเราคงไม่สามารถที่จะลืมได้ว่ามันมีความเครียด แต่พี่ขวัญก็คิดว่าถ้าเรายอมรับและพยายามหาทางออก ก็คงจะไปต่อได้ในชีวิตไม่ว่าจะมี crisis อย่างนี้หรือไม่ก็ตาม บางทีมันไม่จำเป็นต้องมีโควิด-19 นะคะ ในสถานการณ์ปัจจุบันถ้าคนสักคนหนึ่งมีปัญหาชีวิตขึ้นมาก็ทุกข์ทั้งนั้นค่ะเพียงแต่ว่าเราก็ต้องรู้ว่าชีวิตต้องก้าวต่อไป ก็พยายามหาทางออกที่ดีที่สุดผลมันอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่ว่าก็ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้ ณ จุดนั้น เราอาจจะไม่ได้ไปถึงจุดที่เราต้องการแต่ก็ขอให้เราภูมิใจว่าเราก็สู้สมศักดิ์ศรี ให้มองว่าปัญหาแปลว่าโจทย์ เราก็หาทางในการแก้โจทย์นั้นอาจจะไม่ได้ถูกต้องที่สุด แต่อย่างน้อยเรามีความรู้สึกว่าเราก็ได้ใช้สติและความสามารถของเราในการที่จะพาตัวเองออกมาจากความทุกข์ต่างๆ นั้นไปได้แบบนี้มากกว่าค่ะ” พูดจบพร้อมกับส่งยิ้มแทนกำลังใจให้ทุกๆ ชีวิตที่จะต้องก้าวฝ่าวิกฤตินี้ต่อไป

 

ชลธิช วรรณอุบล I บรรณาธิการดิจิทัล