TOP

แปลกใหม่มาพร้อมความเท่! พระองค์หญิงสิริวัณณวรีฯ เผยโฉมคอลเลคชั่นทรงออกแบบ สปริง/ซัมเมอร์ 2019

So far, from time that will not return

So far, from where I used to be

So far, from being away from home.

– – So Far – –

ตอนหนึ่งจากบทพระนิพนธ์ พ.ศ. 2561 ใน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์

 

ณ ดินแดนแห่งใหม่ในห้วงจักรวาล ที่ซึ่งเต็มไปด้วยการพัฒนาถึงขีดสุดของเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence) อันล้ำยุค หากแต่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ทางธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตทั้งหลายในโลกใหม่นี้ ไม่ว่าจะเป็นสิงสาราสัตว์ หรือพืชพรรณต่างๆ ล้วนแล้วแต่มีหน้าตาที่เปลี่ยนไป ไม่คุ้นเคยเหมือนในอดีต อันเป็นผลจากการกลายพันธุ์ (Mutation) แต่ทุกชีวิตในที่แห่งนี้ ล้วนแล้วแต่มีความสุขและอยู่ร่วมกันอย่างสันติ  ดินแดนแห่งนี้มีนามว่า NARAVANNA โลกใหม่ซึ่งเป็นแรงบันดาลพระทัยหลักของ ‘พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์’ ในการทรงงานออกแบบคอลเลคชั่นประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2019 ที่มีชื่อว่า Abode of Metamorphosis ภายใต้แบรนด์“SIRIVANNAVARI” ที่โดดเด่นด้วยโครงสร้างเสื้อผ้าดูเฟมินีน งานปักชั้นครูไปจนถึงลายกราฟฟิกที่ทรงออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งแบรนด์ SIRIVANNAVARI ทรงมีรับสั่งถึงคอลเลคชั่นล่าสุดว่า “เรื่องราวในครั้งนี้ เป็นการเดินทางไปสู่โลกใหม่ที่มีชื่อว่า NARAVANNA โดยโลกใบนี้คือโลกแห่งสันติ โลกแห่งความสุขที่อยู่ในจักรวาลที่ไกลโพ้น ปราศจากร่องรอยแห่งอารยธรรมดั้งเดิม ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกนี้เป็นผลแห่งการกลายพันธุ์ของโลกเก่าทั้งสิ้น สภาพแวดล้อมและสิ่งมีชีวิตแปลกใหม่ในโลกแห่งนี้ ล้วนแล้วคือแรงบันดาลใจที่ข้าพเจ้าได้ถ่ายทอดออกมาเป็นรายละเอียดของคอลเลคชั่นล่าสุด ไม่ว่าจะเป็นลวดลายของแผงวงจรปัญญาประดิษฐ์ และกลเฟืองที่แฝงอยู่ในต้นไม้หรือสัตว์ป่า งานหัตถศิลป์แบบชนเผ่าแอฟริกัน ไปจนถึงอารยธรรมใหม่ในโลกอนาคต”

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงมีรับสั่งต่อว่า “สำหรับคอลเลคชั่นนี้ โครงสร้างของเสื้อมีความซับซ้อนมาก โดดเด่นมากด้วยโครงเสื้อแบบ Deconstructive (โครงเสื้อที่ไม่ใช่ตามแบบแผนเดิมๆ) และ Asymmetrical (โครงเสื้อแบบไม่สมมาตร) โดยได้นำมาผสมกับเทคนิคการตัดเย็บแพทเทิร์น และรายละเอียดอันหลากหลายเข้าไปอีกเพื่อความแปลกใหม่และความเท่ให้แก่คอลเลคชั่น อาทิ การตัดเย็บด้วยผ้าพลีต 3 มิติจากเวิร์คช็อป Gérard Lognon (เจราร์ โลนญง) ในกรุงปารีส เทคนิคการเย็บแบบลาย Quilt (ลายข้าวหลามตัด) รวมไปถึงการนำเอางานศิลปะแบบแอฟริกันชนเผ่ามาไซ มาร่า (Maasai Mara) มาผสมผสานกับงานปักจากช่างฝีมือชั้นเลิศของแบรนด์ SIRIVANNAVARI เอง”       

สำหรับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าทรงออกแบบประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2019 ประกอบด้วยจำนวนเสื้อผ้าทั้งสิ้น 67 ลุค แบ่งเป็นเสื้อผ้าสุภาพสตรี 59 ลุค และเสื้อผ้าสุภาพบุรุษ 8 ลุค สำหรับคอลเลคชั่นเสื้อผ้าสุภาพสตรีมีความโดดเด่นที่หลากหลาย ตั้งแต่ชุดกระโปรงผ้าทวีตรูเล็กซ์สีเงินที่เข้าคู่กับเสื้อโบเรโล่ (Bolero Jacket) แล้วออกมาเป็นรูปทรงของเสื้อโค้ตพาร์ก้า (Parka Coat) ชุดเดรสยาวคัทเอ้าท์ช่วงลำตัว (Cut-out midriff dress) ผ้าไหมแก้วที่ชายกระโปรงพลิ้วไหวด้วยผ้าไหมชีฟองลายกราฟิกประจำซีซั่น ชุดทวีตเพ็พลั่มเดรส ที่สอดแทรกชายกระโปรงด้วยผ้าตารางเมทาลิกเงิน (Quilted Metallic Peplum Dress) ที่สะท้อนเรื่องราวของโลกแห่งอนาคต หรือจะเป็นเสื้อผ้าไหมบุหงา (Silk Tulle) ที่หรูหราด้วยขนนกที่ปักซ้อนบนเลื่อมและลูกปัดที่ปักเป็นลายม้าลาย ที่เข้าคู่กับกางเกงยีนส์ไบเกอร์ ไปจนถึงชุดราตรีคอร์เซ็ตสีขาว (Corset) ที่โดดเด่นด้วยชายกระโปรงพู่ผ้าไหมสีแดงเบอร์กันดีกรุยกรายและปักซ้อนด้วยพู่ลูกปัดแบบแอฟริกันสิ่งพิเศษที่เห็นได้อย่างชัดเจนในคอลเลคชั่นนี้ก็คือ งานปักจากช่างฝีมือชั้นครูจาก SIRIVANNAVARI Atelier and Academy โดยซีซั่นนี้ ได้นำเสนองานปักหลายรูปแบบบนเสื้อผ้าหลากสไตล์ อาทิ ขนนก คริสตัล มุก ไปจนถึงงานฝีมือประจำซีซั่นอย่างงานถักร้อยและปักลูกปัดแบบแอฟริกัน

 

เอกลักษณ์อย่างหนึ่งที่โดดเด่นของแบรนด์ SIRIVANNAVARI ก็คือลายพิมพ์ภาพกราฟฟิกฝีพระหัตถ์ ซึ่งลายพิมพ์ภาพกราฟฟิกทรงออกแบบประจำซีซั่นนี้ องค์ดีไซเนอร์ได้ทรงออกแบบลายพิมพ์ที่ถ่ายทอดเรื่องราวของ NARAVANNA ดังนั้นภาพกราฟฟิกฝีพระหัตถ์จะเป็นการผสมผสานรายละเอียดของโลกใบใหม่ ซึ่งมีทั้งสัตว์กลายพันธุ์ (Mutant) และพืชพรรณหรือสัตว์ป่าที่แฝงไว้ด้วยลวดลายของแผงวงจรและกลเฟืองของปัญญาประดิษฐ์  โดยลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์นี้ได้ปรากฎให้เห็นอยู่ในทั้งคอลเลคชั่น ตั้งแต่เสื้อผ้าและกระเป๋าของสุภาพสตรี  รวมถึง เสื้อผ้า กระเป๋า และรองเท้าของสุภาพบุรุษ ไปจนถึงคอลเลคชั่นผ้าพันคอซึ่งมี 2 ขนาด คือผ้าพันหูกระเป๋า และผ้าคลุมไหล่ (120 ซม. X 120 ซม.)

นอกจากนี้ คอลเลคชั่นล่าสุดยังนำเสนอคอลเลคชั่นเครื่องประดับที่ดูวิจิตรตระการตาภายใต้ธีมของคอลเลคชั่นเสื้อผ้าด้วยเช่นกัน โดยในซีซั่นนี้ มีทั้งไฟน์จิวเวลรี่ (Fine Jewellery) และแฟชั่นจิวเวลรี่ (Fashion Jewellery) ในส่วนของไฟน์จิวเวลรี่ของสุภาพสตรีนั้น มีให้เลือกสรรทั้ง แหวน ต่างหู และสร้อยคอ โดยนำเอาสัญลักษณ์ประจำแบรนด์อย่างตัวอักษร S และรูปนกยูง มาทำให้ดูโก้หรูด้วยการขึ้นตัวเรือนทองชมพู 18K (18K Rose Gold) ประดับเปลือกมุก ไข่มุก หินลาพิสลาซูลีสีน้ำเงิน (Lapis Lazuli) และหินมาลาไคท์สีเขียว (Malachite) ไฮไลท์อยู่ที่โชคเกอร์ทองชมพูรูปนกยูงและช่อขนนกยูง ในขณะที่คอลเลคชั่นแฟชั่น จิวเวลรี่นั้น ดูโมเดิร์นด้วยการขึ้นตัวเรือนด้วยทองเหลืองชุบโรเดียมและทอง 14K แล้วนำมาตกแต่งด้วยวัสดุหลากหลาย เพื่อให้เข้ากับธีมหลักของคอลเลคชั่น อาทิ คริสตัลจากสวารอฟสกี้ (Swarovski) ขนนก และลูกปัดเคนย่าจากโรงงานคาซูรี (Kazuri) เป็นโรงงานผลิตลูกปัดในกรุงไนโรบี ประเทศเคนย่า ที่มุ่งช่วยเหลือสตรีด้อยโอกาส หรือสตรีที่ประสบปัญหาทางสังคม อาทิ การเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว ให้มีงานทำ ด้วยการจ้างงานและเสริมสร้างทักษะการผลิตลูกปัด เครื่องประดับ เซรามิค เพื่อจัดจำหน่ายเป็นสินค้าที่สำคัญของประเทศเคนย่า  อาทิ แหวนประดับลูกปัดแอฟริกัน กำไลประดับคริสตัลให้เป็น
หน้าเสือ ต่างหูประดับขนนก ไปจนถึงเทียร่าเงินประดับคริสตัล

สำหรับคอลเลคชั่นเครื่องหนังในซีซั่นนี้ มีความโดดเด่นที่เทคนิคการตัดเย็บหนังชั้นเยี่ยมจากอิตาลี ที่มีความละเอียดอ่อน รวมไปถึงรายละเอียดการตกแต่งที่อยู่ภายใต้ธีมของคอลเลคชั่นเสื้อผ้า ดังเห็นได้จากกระเป๋าทรงกระบอกที่ตกแต่งด้วยหนังงูไพธอน พู่หนังและจี้ชาร์ม (Charm) รูปสัตว์และสัญลักษณ์ S ล้อมรอบ หรือจะเป็นกระเป๋าลายม้าลายที่ตกแต่งด้วยขนนกและจี้ชาร์มทั่วทั้งใบ ไปจนถึงกระเป๋าถือที่ตัดเย็บด้วยผ้าพิมพ์ลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์ประจำซีซั่นและปักทับด้วยป้ายลายนกยูงของแบรนด์ ในขณะที่คอลเลคชั่นรองเท้าก็มีหลากหลายรูปแบบ ทั้งรองเท้าส้นสูงสองโทนสีแบบสลิงแบค (Sling back shoes) ที่มีสายรัดบริเวณหลังเท้าที่ดูเรียบร้อยโก้หรูด้วยการเอาหนังวัวและหนังงูไพธอนมาผสมกัน หรือรองเท้าที่เผยให้เห็นเรียวเท้าของผู้สวมใส่ให้ดูเซ็กซี่ ที่ตัดเย็บด้วยหนังวัวอิตาเลียน หนังพิมพ์ลายเสือ ตกแต่งด้วย คริสตัล พู่ไหม และโลหะทอง โดยส้นรองเท้าดูเก๋ด้วยโลหะลายกลเฟือง หรือรองเท้าแตะที่สวมใส่สบายที่ตกแต่งด้วยขนนกและลูกปัดแบบแอฟริกัน

เพื่อความสมบูรณ์ของคอลเลคชั่น องค์ดีไซเนอร์ทรงออกแบบคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำซึ่งทำให้ผู้สวมใส่เพิ่มความเซ็กซี่ด้วยโครงสร้างแบบคัตเอาท์ (Cut Out) อวดเรือนร่างของหญิงสาว อีกทั้งยังมีเสื้อคลุมอาบน้ำเพื่อไลฟ์สไตล์ที่โก้หรูสำหรับสุภาพสตรี นอกจากนี้ คอลเลคชั่นนี้ยังมีเสื้อผ้าสไตล์แอ็คทีฟแวร์ (Active wear) สำหรับสาวๆ ที่รักการออกกำลังกาย เป็นครั้งแรกอีกด้วย

สำหรับคอลเลคชั่นสุภาพบุรุษภายใต้แบรนด์ S’Homme (เอส ออม)นั้น มีความโก้หรูสไตล์แมสคิวลีน (Masculine) ของโลกแห่ง NARAVANNA อย่างชัดเจน ดังเห็นได้จากเสื้อเทรนช์โค้ตสีเบจประดับฮู้ดที่ประดับตราสัญลักษณ์ของแบรนด์บนแขนเสื้อ เสื้อแจ็คเก็ตซาฟารีสีเหลืองที่ตกแต่งกระเป๋าเสื้อทั้งสี่ ด้วยแถบสีแบบแอฟริกันที่เข้าคู่กับกางเกงคร็อปสีน้ำเงิน ไปจนถึงชุดสูทกระดุมสองเม็ดสีเสจกรีน (Sage Green) สำหรับเสื้อเชิ้ตในซีซั่นนี้ เอกลักษณ์สำคัญคือการตกแต่งสาบเสื้อด้วยแถบสีแบบแอฟริกัน ส่วนทรงของกางเกงมีความโมเดิร์นมากด้วยทรงกางเกงแบบคร็อปท์ (Cropped Pants) กางเกง 5 ส่วน ที่มีความยาวระดับตาตุ่ม ในขณะที่คอลเลคชั่นรองเท้าก็นำเสนอทั้งรองเท้าหนังกลับผูกเชือก รองเท้าโลเฟอร์ (Loafer) ตัดเย็บจากผ้าพิมพ์ลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์ประจำซีซั่น และรองเท้าแตะที่ตกแต่งด้วยลูกปัดสไตล์แอฟริกัน  ส่วนคอลเลคชั่นกระเป๋านำเสนอกระเป๋าหลากสไตล์ทั้งกระเป๋าคาดเอวหนังกลับสีคาเมล กระเป๋าคลัทช์ผ้าลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์ประดับสัญลักษณ์ S ของแบรนด์ และกระเป๋าดัฟเฟิล (Duffle Bag) กระเป๋าถือใบใหญ่ สามารถบรรจุสัมภาระเวลาเดินทางค้างคืนได้ มีทั้งหูหิ้วและสายสะพายข้าง บางครั้งอาจเรียกว่า overnight bag ที่ตัดเย็บจากผ้าลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์และตกแต่งด้วยหนังวัวธรรมชาติ นอกจากนี้แล้ว คอลเลคชั่นล่าสุด ยังนำเสนอผลิตภัณฑ์อื่นๆ อย่างครบครัน ตั้งแต่ไฟน์จิวเวลรี่ อย่างแหวน ที่ตัวเรือนทำจากทองคำขาว ประดับเปลือกมุก หินลาพิสลาซูลีสีน้ำเงิน  และหินมาลาไคท์สีเขียว แฟชั่นจิวเวลรี่ อาทิ สร้อยหนังประดับจี้ และเข็มกลัดประดับเสื้อสูท (Pin suit) รูปหัวเสือและสัญลักษณ์ตัว S ไปจนถึงเนคไท เสื้อคลุมอาบน้ำและกางเกงว่ายน้ำลายกราฟฟิกฝีพระหัตถ์ประจำฤดูกาล ซึ่งนับได้ว่าเป็นครั้งแรกของแบรนด์ที่ได้นำเสนอคอลเลคชั่นชุดว่ายน้ำชาย

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงมีรับสั่งเพิ่มเติมว่า “ในฐานะของผู้ประพันธ์เพลง ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ และองค์อุปถัมภ์ของมูลนิธิวงดุริยางค์ซิมโฟนีกรุงเทพ หรือ RBSO (Royal Bangkok Symphony Orchestra) ข้าพเจ้าได้ประพันธ์เพลงใหม่ 5 ท่อน เพื่อให้วง RBSO บรรเลงประกอบแฟชั่นโชว์ ได้แก่ 1) Vanishing Inhabitation 2) Fragmentary Time 3) Abode of Metamorphosis 4) AI/Memorandum 5) Tribal Transcendence โดยข้าพเจ้าเริ่มต้นการแต่งทำนองจากการเล่นเครื่อง
มาริมบา (Marimba) เครื่องดนตรีประเภทเพอร์คัชชั่น มีลักษณะคล้ายระนาด และเป็นที่นิยมอย่างมาก ที่มีวิวัฒนาการมาจากแถบแอฟริกา จนได้แนวทางและทำนองหลัก แล้วข้าพเจ้าก็นำเอากลุ่มเครื่องดนตรีประเภท Rhythm Section เช่น เบส กีต้าร์ กลอง และเครื่องซินธิไซเซอร์ และกลุ่มเครื่องดนตรีคลาสสิคอย่าง เครื่องเป่าและเครื่องสาย เข้ามาผสมผสานให้มีความกลมกล่อมขึ้น นอกจากนี้ ข้าพเจ้ายังได้ออกแบบเครื่องดนตรีชิ้นใหม่ขึ้นมาชื่อว่าเครื่องรีฟอร์ม (Reform) ที่เป็นเครื่องดนตรีที่ให้เสียงแบบเพอร์คัชชั่น ซึ่งข้าพเจ้าได้นำเอาวงล้อมาประกอบกับเครื่องตีต่างๆ เพื่อให้เสียงของเครื่องตีมีความกลมกลืนมากขึ้น”

พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงมีรับสั่งปิดท้ายว่า “เพื่อทำเพลงให้น่าสนใจมากขึ้นสำหรับแฟชั่นโชว์และให้มีความล้ำยุคสอดคล้องกับคอลเลคชั่นเสื้อผ้า ข้าพเจ้าจึงได้นำเอาเสียงสังเคราะห์ อาทิ เสียงคลื่นความถี่ต่างๆ และเสียงการติดต่อสื่อสารให้ห้วงอวกาศ เข้ามาทำหน้าที่เป็นเสียงโอบล้อมเสียงดนตรีทั้งหมด อีกทั้งยังสร้างความพิเศษด้วยการเชิญ ‘คุณรัดเกล้า อามระดิษ’ มาร้องเพลงประกอบ ซึ่งเนื้อเพลงเป็นบทกวีที่ข้าพเจ้าได้ประพันธ์เอง โดยคุณรัดเกล้าใช้เทคนิคการร้องที่เรียกว่า “รีไซเททีฟ” (Recitative) ซึ่งเป็นการแสดงแบบกึ่งร้องกึ่งพูด”   

I’ve reconnected within elsewhere.

As a part of a whole, it’s here in “NARAVANNA”

Where silence embraces me and restores beauty in such immensity”

ตอนหนึ่งจากบทพระนิพนธ์ พ.ศ. 2561 ใน พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์

 

สามารถชมคอลเลคชั่นทรงออกแบบประจำฤดูกาลสปริง/ซัมเมอร์ 2019 ของแบรนด์ SIRIVANNAVARI และ S’HOMME ได้ที่ร้าน SIRIVANNAVARI ชั้น 1 ศูนย์การค้าสยามพารากอน

 

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด