TOP

“เทศน์ ไมรอน” อีกบทของความเติบโตในฐานะนักแสดง และเต็มร้อยในทุกจังหวะชีวิต

ปลายปีคือช่วงเวลาที่ชวนให้เราหันกลับไปมองเส้นทางที่ผ่านมา ทั้งบทเรียน ความเปลี่ยนแปลง และสิ่งที่เรากลายเป็นในวันนี้ สำหรับ “เทศน์ ไมรอน” ปีนี้คืออีกบทของการเติบโต ทั้งในฐานะนักแสดงที่จริงจังกับงาน และในฐานะคนธรรมดาที่เริ่มเข้าใจจังหวะชีวิตมากขึ้น จากเด็กวัยสิบห้าที่เคยตั้งใจทำทุกอย่างให้ “ดีที่สุด” จนกลายเป็นชายหนุ่มวัยยี่สิบเอ็ดที่เรียนรู้ว่า ความสุขกับความมุ่งมั่นสามารถเดินคู่กันได้เสมอ “ตอนเด็กผมซีเรียสมาก อยากทำให้ทุกอย่างดีจนกดดันตัวเอง แต่ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าเราสามารถขยันและมีความสุขไปพร้อมกันได้” เส้นทางของเขาอาจยังเพิ่งเริ่ม แต่ทุกก้าวที่เดินล้วนแน่นด้วยความตั้งใจและความจริงใจ – คุณสมบัติที่กลายเป็นหัวใจของการเติบโตในแบบของเขาเอง

สามคำที่เขาใช้จำกัดความตัวเอง “จริงจัง สนุก จริงใจ” ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดสวยหรู แต่คือสิ่งที่อยู่ในทุกส่วนของชีวิต “ผมเป็นคนทำอะไรจริงจัง ทำแล้วต้องเต็มร้อย แต่ขณะเดียวกันก็ชอบความสนุก ชอบความท้าทาย แล้วก็พยายามเป็นตัวของตัวเองให้มากที่สุด ไม่โกหกใคร ไม่โกหกตัวเอง” เทศน์เล่าพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ น้ำเสียงเรียบง่ายแต่มั่นคงสะท้อนให้เห็นชัดว่าคำเหล่านี้ไม่ใช่ภาพที่ถูกสร้าง แต่มันคือธรรมชาติของเขา เมื่อถามว่าภาพในจอกับตัวจริงต่างกันไหม เขาตอบตรงไปตรงมาว่า “ในละครมันก็ต้องต่างอยู่แล้ว เพราะผมไม่ได้เป็นตำรวจ ไม่ได้เป็นผู้ชายอายุยี่สิบแปด” เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนเสริม “แต่ถ้าเป็นรายการวาไรตี้ หรือในไอจี ผมจะพยายามให้ใกล้เคียงกับตัวจริงมากที่สุด เพราะผมรู้สึกว่ามันยั่งยืนกว่า ไม่ต้องปวดหัวกับการสร้างภาพอะไรทั้งนั้น” ความสม่ำเสมอระหว่าง “ภาพที่เห็น” กับ “คนที่เป็นจริง”จึงกลายเป็นสิ่งที่เขายึดไว้เสมอในทุกช่วงของการทำงาน

โดยในปีที่กำลังจะผ่านไปนี้ถือเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาสำคัญของเทศน์ เมื่อเขาได้ขึ้นแสดงละครเวที “2499 อันธพาลครองเมือง” เป็นครั้งแรกในชีวิต และบอกว่า “ให้บทเรียนเยอะมาก ทั้งเรื่องงานและชีวิตส่วนตัว เพราะละครเวทีมันไม่มีคัท ไม่มีเทก คนดูเข้ามาแล้วเราต้องพร้อม 100% ทุกครั้ง” เขายิ้มเมื่อนึกถึงช่วงเวลาสองเดือนเต็มของการซ้อม และเกือบสามสิบรอบการแสดงที่ต้องใช้วินัยและฝึกสมาธิให้แน่นยิ่งกว่าเดิม “มันฝึกให้เราต้องดูแลตัวเองทั้งร่างกายและเสียง ต้องตื่นเช้า ต้องนอนให้พอ สมมติวันเกิดเพื่อนก็ไปได้ แต่ต้องกลับก่อนเที่ยงคืน เพราะพรุ่งนี้ต้องแสดงอีก มันเป็นวินัยที่ติดตัวไปเลยโดยไม่ต้องมีใครบอก” ซึ่งสิ่งหนึ่งที่ละครเวทีสอนเขาได้ชัดคือ “สมาธิ” “ช่วงแรก ๆ ผมเคยเหม่อ พลาดคิว ทั้งที่บทผมต้องเป็นคนนำ ก็เลยฝึกฟังให้มากขึ้น พอเราฟังจริง ๆ ทุกอย่างมันดีขึ้น ผมได้เรียนรู้ว่าบางครั้งเราต้องหยุดคิดถึงตัวเอง แล้วฟังคนอื่นให้มากขึ้น ทั้งในงานแสดงและชีวิตจริง”

ส่วนบทบาท “ดำ เอสโซ่” ในเรื่องนี้ มีหลายมุมที่เขาบอกว่าคล้ายตัวเอง “ผมเป็นคนรักเพื่อนมาก เหมือนดำเลยครับ ผมอาจไม่ได้โหดหรือกวนแบบเขา แต่เข้าใจดีว่าการทำทุกอย่างเพื่อเพื่อนมันเป็นอย่างไร” เขาหัวเราะก่อนพูดต่อ “ความแตกต่างคงเป็นเรื่องวิธีคิด ดำเขาแรงไปหน่อย แต่ผมเลือกทางที่เบาลงครับ” เพลงดูเอตในละครที่เขาร้องร่วมกับ “ปุ๊” ก็ยังติดอยู่ในใจจนถึงวันนี้ “เพลงนั้นพูดถึงโลกที่โหดร้าย แต่ก็เป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้เราสู้ต่อไป ผมว่าเพลงนี้ช่วยปลุกพลังได้ดีมาก” แต่ก่อนหน้านั้นเทศน์ผ่านงานแสดงทางโทรทัศน์มาแล้วสองเรื่อง “ดวงใจพิสุทธิ์” และ “โลกหมุนรอบเธอ” แม้ประสบการณ์ยังไม่มาก แต่เขาก็ไม่เคยหยุดเรียนรู้ “ผมเพิ่งเรียนคอร์สแอ็กติ้งกับครูบิว แล้วกำลังจะเรียนอีกคอร์สเดือนหน้า เพราะรู้เลยว่ายิ่งเรียน เรายิ่งเห็นว่าที่ผ่านมาเรายังทำได้ดีกว่านั้น” เขาพูดอย่างถ่อมตัว “แต่ผมก็ไม่เสียดาย เพราะตอนนั้นเราก็ทำดีที่สุดแล้ว แค่ตอนนี้เรารู้มากขึ้น ก็ต้องใช้ความรู้นั้นให้ดีในโอกาสหน้า”

ในฐานะนักแสดงรุ่นใหม่ที่อยากลองสนามใหม่ ๆ เขายอมรับว่าภาพยนตร์คือสิ่งต่อไปที่อยากท้าทาย “หนังมีเวลาน้อยมากในการทำให้คนดูเชื่อในตัวละคร มันต้องละเอียด และนั่นแหละคือความสนุกของมัน” ส่วนคนที่อยากร่วมงานด้วย เขายกชื่ออย่างไม่ลังเล “พี่ณเดชน์ครับ เก่งและใจดีมาก ๆ แล้วก็พี่ชาย ชาตโยดม แค่ได้ดูว่าเขาทำงานยังไงก็เรียนรู้ได้เยอะแล้ว ถ้าได้ร่วมงานด้วยจริง ๆ คงดีมากครับ” และแม้จะผ่านบทหนัก ๆ มาหลายเรื่อง แต่เทศน์ก็มีวิธีแยกตัวเองออกจากตัวละครอย่างชัดเจน “ผมพยายามบ๊ายบายตัวละครก่อนกลับบ้าน โดยเฉพาะบทที่เศร้ามาก ๆ อย่างใน ‘โลกหมุนรอบเธอ’ เล่นเสร็จก็หายใจยาว ๆ แล้ววางมันไว้ตรงนั้น เพราะไม่อยากเอาความรู้สึกของเขามาทำร้ายคนในชีวิตเรา” เขาพูดเรียบ ๆ แต่แววตาบ่งบอกถึงความเข้าใจในอาชีพที่ทำ “แน่นอนว่ามันยังมีอารมณ์ค้างอยู่บ้าง แต่มันคือหน้าที่ของเราที่จะไม่ปล่อยให้ล้นออกมานอกจอ”

ส่วนเมื่อถามว่าจะให้คะแนนปีนี้กับตัวเองสักเท่าไหร่ เขาหัวเราะก่อนตอบว่า “แปดเต็มสิบครับ” ด้วยเหตุผลที่ฟังดูเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความภูมิใจ “ผมแฮปปี้กับทุกอย่าง ทั้งได้เรียนจบพร้อมเกียรตินิยม ทั้งได้ทำงานที่รัก มันไม่ได้ง่ายเลย แต่เราก็ผ่านมาได้เพราะมีคนคอยช่วยรอบตัวเยอะมาก” เขาหยุดคิดนิดหนึ่งก่อนพูดต่อ “ผมให้แปด จะได้มีที่เหลือไว้ให้โตต่อ” แล้วหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ส่วน New Year Resolution ของเขาในปีนี้นั้นเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยพลังบวก “Smile more” ยิ้มให้มากขึ้น ไม่ใช่แค่ยิ้มให้กล้อง แต่ยิ้มจากข้างใน “ผมอยากยิ้มในทุกวันให้มากขึ้น เพราะรู้แล้วว่าความสุขมันไม่ต้องรอให้ทุกอย่างสมบูรณ์ก่อน ถึงจะรู้สึกได้”

เทศน์บอกว่าเขาไม่ใช่คนวางแผนละเอียด แต่จะมีธีมใหญ่ในใจทุกปี “ปีหน้าเป็นปีแรกที่ผมเป็นนักแสดงเต็มร้อย อยากผลักตัวเองในทุกด้าน ทั้งทักษะการแสดง ภาษาไทย และฟิตเนส อยากเพิ่มกล้าม อยากโตจากบอยไปเป็นแมนมากขึ้น” เขาหัวเราะ และถึงแม้ว่ารายละเอียดของผลงานใหม่ยังเป็นความลับ แต่เขาก็แอบแย้มว่า “ตอนนี้มีโปรเจกต์ที่ถ่ายอยู่ครับ คาดว่าน่าจะได้ดูกลางปีหน้า ฝากติดตามในไอจีไว้ก่อน ผมจะอัปเดตที่นั่น และอย่าลืมติดตาม AROUND ด้วยนะครับ”

ในโลกออนไลน์ของเขา เราจะเห็นทั้งภาพงาน ภาพวันว่าง และคอนเทนต์ขำ ๆ ที่เจ้าตัวตัดเอง “ผมอยากให้คนที่เข้ามาเห็นตัวตนของผมจริง ๆ ไม่ต้องปรุงแต่ง เพราะผมรู้สึกว่าความจริงใจมันยืนยาวกว่า” ก่อนจากกัน เขาทิ้งท้ายอย่างเรียบง่ายแต่ชัดเจน “ผมอยากเป็นคนที่คนอื่นไว้ใจได้ ไม่ต้องเก่งที่สุด แต่ให้รู้ว่าเราทำเต็มที่เสมอ และซื่อสัตย์กับสิ่งที่ทำ” และนั่นคือวิธีที่เขาเติบโต – เรียบง่าย จริงใจ และเต็มร้อยในทุกจังหวะชีวิต ปีใหม่สำหรับ “เทศน์ ไมรอน” จึงไม่ใช่การเริ่มต้นจากศูนย์ แต่คือการก้าวต่อจากจุดที่ยืนอยู่ ด้วยหัวใจที่ยังเหมือนเดิม เพียงแค่สว่างกว่าเดิมเล็กน้อย

MODEL: Tate Myron
PHOTOGRAPHER: Ploypat
STYLIST: Organic Boy
MAKEUP ARTIST: junejuny
HAIR STYLIST: apple_nongnat
CLOTHES: Leela IG – leela.official / Ferragamo ชั้น G ไอคอนสยาม โทร.0 2288 0700 / Disaya ชั้น 2 เซ็นทรัลเวิลด์ โทร. 0 2646 1828 – 9 / Shopmanzx IG – shopmanzx / DOLCE&GABBANA ชั้น M สยามพารากอน โทร. 0 2610 6790
LOCATION: The Standard, Pattaya Na Jomtien 8/12 หมู่ 2 ซอยนาจอมเทียน 10 ตำบลนาจอมเทียน อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี, โทร. 033 111 555 www.standardhotels.com/pattaya

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด