TOP

3 สิ่งควรทำและไม่ควรทำ รับมือเด็กติดเกมออนไลน์ในช่วงโควิด19

กรมสุขภาพจิต แนะนำพ่อแม่ผู้ปกครอง ไม่ควรส่งผ่านความเครียดไปที่เด็ก ขณะที่ต้องอยู่บ้านในช่วงโควิด19 แพร่ระบาด เผยผลสำรวจพบเด็กและเยาวชนรับรู้ และกังวลต่อสถานะการเงินของพ่อแม่ที่ต้องตกงาน หรือรายได้ลดลง พร้อมแนะนำ 3 สิ่งควรทำ และ ไม่ควรทำ รับมือเด็กติดเกมออนไลน์ในช่วงโควิด19

 

พญ. มธุรดา สุวรรณโพธิ์ ผู้อำนวยการสถาบันราชานุกูล กรมสุขภาพจิต กล่าวถึงผลกระทบของสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด19 ที่มีต่อเด็กและเยาวชน ว่าผลการสำรวจขององค์การยูนิเซฟ และสภาเด็ก และเยาวชนแห่งประเทศไทย พบว่าเด็กมีความกังวล และรับรู้ถึงสถานะทางการเงินของพ่อแม่ รับรู้ถึงความเครียดและความกังวลของพ่อแม่ในเรื่องการหารายได้ ในช่วงการระบาดของโควิด19 โดยช่วงอายุ 20-24 ปี จะกังวลมากที่สุดถึงร้อยละ 87 รองลงมาช่วงอายุ 15-19 ปี ร้อยละ 82 ช่วงอายุ 11-14 ปี พบร้อยละ 69 และที่น่าสนใจคือ เด็กอายุต่ำกว่าอายุ 10 ปี ยังพบว่ามีความกังวลถึงร้อยละ 76

 

ทั้งยังสำรวจพบปัญหาเรื่องคนใกล้ชิด หรือคนในครอบครัวทำร้ายเด็กมากขึ้น สาเหตุสำคัญมาจากความเครียด ดังนั้น พ่อแม่ที่เกิดความเครียดควรจะต้องหาทางระบายและจัดการความเครียดให้ได้ อย่าส่งผ่านความเครียดด้วยการลงไม้ลงมือกับเด็ก เพราะยิ่งสร้างผลกระทบต่อเด็กเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งพลังชุมชนต้องช่วยกันดูแลเด็ก ในช่วงที่พ่อแม่ผู้ปกครองจะต้องกลับไปทำงานเพื่อหารายได้อีกครั้ง และช่วยกันป้องกันภัยจากสังคมออนไลน์ ที่เด็กอาจจะถูกล่อลวง ถูกคุกคามทางเพศได้ง่าย หากปล่อยให้เด็กใช้งานโดยขาดการติดตามดูแลจากผู้ใหญ่ ผู้ปกครองหรือพ่อแม่ ต้องตรวจสอบหากพบเนื้อหาที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อเด็ก ควรระงับการใช้งาน และอธิบายให้เด็กได้เข้าใจถึงอันตรายที่จะตามมา เพื่อสร้างความปลอดภัยให้ได้มากที่สุด

 

เรื่องที่น่าเป็นห่วงอีกเรื่องในช่วงโควิด19 คือ ปัญหาจากการใช้สมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้น โดยผลการสำรวจนักเรียนชั้นมัธยมต้นถึงมัธยมปลายในประเทศญี่ปุ่น ในช่วงที่เด็กหยุดเรียนนานกว่าปกติ ที่ใช้เวลาอยู่กับอินเตอร์เน็ตและเกมออนไลน์ จำนวน 8,464 คน พบว่า เด็กมัธยมศึกษาตอนปลาย พบใช้เวลาอยู่กับสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นร้อยละ 71 ส่วนเด็กมัธยมศึกษาตอนต้น พบเพิ่มขึ้นร้อยละ 72 ส่วนใหญ่ถึงร้อยละ 80 ใช้ดูคลิปวิดีโอบน YouTube ร้อยละ 40-50 ใช้แอพพลิเคชั่นในการเล่นเกมออนไลน์

จากข้อมูลดังกล่าว กรมสุขภาพจิตมีความห่วงใย และเพื่อป้องกันปัญหาเด็กติดเกมออนไลน์ ได้มีข้อแนะนำในการเล่นเกมให้เกิดความเหมาะสม กำหนดเป็น 3 สิ่งที่ควรทำและไม่ควรทำ ดังนี้

  • สิ่งที่ควรทำ คือ (1.) กำหนดเวลาเล่นเกมไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อวัน (2.) เลือกประเภทเกมที่ไม่รุนแรง และ (3.) พ่อแม่ผู้ปกครองต้องมีส่วนรับรู้ในการเล่นเกม หรือร่วมเล่นเกมบ้างเพื่อสร้างการมีส่วนร่วม
  • ส่วนสิ่งไม่ควรทำ คือ (1.) ไม่ทำตัวเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี เช่น เล่นเกมมากเกินไป เล่นเกมที่รุนแรง (2.) เล่นผิดเวลา เช่น เล่นเกมขณะรับประทานอาหาร และ (3.) เล่นผิดที่ เช่น เล่นในห้องนอนขณะเวลาพักผ่อน สิ่งเหล่านี้เป็นการปรับตัวสู่วิถีชีวิตใหม่ เมื่อต้องใช้เวลาอยู่ร่วมกันในครอบครัว จึงอยากให้เรียนรู้พฤติกรรมของเด็กๆ ไปพร้อมกัน

 

ที่มา : กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด