TOP

สนุกสุดเหวี่ยง “โลกของการดำน้ำ” ดำดิ่งสู่สวรรค์ใต้ทะเลไทย

“ทะเลไทย ไม่แพ้ชาติใดในโลก” น้ำทะเลใส หาดทรายขาวกับความอุดมสมบูรณ์ใต้ท้องทะเล ที่ขึ้นชื่อว่าสวยติดอันดับโลก เป็นจุดดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกสารทิศ ทั้งฝั่งทะเลอันดามันและฝั่งอ่าวไทย

ตั้งแต่เด็ก แป๋มชอบเที่ยวทะเล ดำน้ำและชื่นชอบกีฬาทางน้ำแทบทุกชนิด เดือนนี้เลยจะมาเล่าประสบการณ์การเรียนดำน้ำที่กำลังได้รับความนิยมอย่างมากว่ามีรูปแบบอย่างไรกันบ้าง และทะเลสวยๆ ในเมืองไทยที่ไปกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ เผื่อเพื่อนๆ จะแวะเวียนไปช่วงวันหยุดกันนะคะ มาดูการดำน้ำแบบแรก “Snorkeling” ที่น่าจะคุ้นเคยกัน คือการใส่หน้ากากดำน้ำ ท่อหายใจ ตีนกบและเสื้อชูชีพ ทำให้สามารถก้มหน้าท่องโลกใต้ทะเลโดยไม่ต้องเงยหน้าขึ้นมาเหนือผิวน้ำเพื่อหายใจ ลอยตัวบนผิวน้ำไปเรื่อยๆ การมองปะการังและสัตว์น้ำใต้ทะเลเป็นระยะที่แสงส่องถึงกำลังดี ทำให้เห็นสีสันของทุกอย่างใต้น้ำได้ชัดเจน

แบบต่อมา “Freediving” คือการดำลงไปใต้น้ำแบบไม่ใช้ถังออกซิเจน โดยกลั้นลมหายใจเพียงเฮือกเดียว ก่อนพุ่งตัวดำดิ่งสู่ท้องทะเลลึก ประมาณ 3 – 5 เมตร ซึ่งต้องอาศัยการฝึกฝนอย่างต่อเนื่อง และใช้ฟินยาวกว่าทั่วไปเพื่อผลักตัวไปได้เร็วขึ้น แป๋มเคยฝึกอยู่พักนึง แต่อาจจะปอดเล็ก เลยอยู่ในน้ำได้ไม่นาน ส่วนใหญ่จะดำลงไปถ่ายรูปสวยๆ แล้วก็ขึ้นค่ะ

แบบสุดท้าย “Scuba Diving” คือการดำน้ำลึกโดยใช้อุปกรณ์ช่วยหายใจที่ติดกับตัวนักดำน้ำไป ทำให้สามารถเคลื่อนที่ไปมาใต้น้ำได้อย่างอิสระโดยใช้อากาศจากถังออกซิเจนด้านหลัง ซึ่งการดำน้ำแบบนี้ต้องผ่านการเรียนและสอบปฏิบัติจนผ่านได้รับบัตรอนุญาตดำน้ำ จึงจะสามารถเช่าอุปกรณ์ เติมอากาศในถังดำน้ำ หรือลงไปดำน้ำลึกได้ พอได้ดำลึกลงไปในน้ำจะเหมือนเราก้าวเข้าไปสู่โลกใบใหม่ เห็นฝูงปลาว่ายน้ำผ่านไปมา ดูปะการังสีสันสวยงามได้ใกล้ยิ่งขึ้น หากต้องการที่จะผจญภัย การดำน้ำก็มีซากเรือจมที่ลึกลับ มีการดำน้ำกลางคืน ซึ่งก็ต้องมีการเรียนเพิ่มทักษะขึ้นไปอีกขั้น

สถาบันที่ให้การรับรองมีหลายสถาบัน แป๋มเรียนหลักสูตรของ PADI ตั้งแต่ปี 2001 ซึ่งหลักสูตรการเรียนดำน้ำด้วยเครื่องช่วยหายใจใต้น้ำขั้นต้น (Open Water Diver Course) ที่เรียนรู้ทักษะในสระว่ายน้ำ การเรียนภาคทฤษฎีในห้องเรียน และการฝึกภาคทะเล โดยแต่ละส่วนมีความสำคัญและเชื่อมโยงกัน เพื่อดำน้ำจริงในธรรมชาติได้อย่างสนุกสนานและปลอดภัย ค่าเรียนประมาณ 8,000 บาท เมื่อสอบผ่านแล้วก็ไปสอบการปฏิบัติภาคทะเล ส่วนใหญ่ไปสอบที่พัทยาอีกประมาณ 6,000 บาท ก็เริ่มดำน้ำลึกได้ใช้เวลารวมๆ ประมาณหนึ่งสัปดาห์

สำหรับคนที่อยากดำน้ำลึกกว่า 18 เมตร ฝึกการใช้เข็มทิศ ดำดูเรือจมหรือดำน้ำตอนกลางคืน ก็ต้องเรียนหลักสูตร Advanced Open Water Diver เพิ่มอีกประมาณ 6,500 บาท ไม่รวมค่าออกทริปสอบปฎิบัติ ถ้ามีทริปจะไปดำน้ำกับครูสอนอยู่แล้ว สามารถขอสอบตอนไปดำน้ำเที่ยวพร้อมกันทีเดียวได้ค่ะ มาถึงสถานที่ประทับใจที่อยากให้เพื่อนๆ ได้ไปสัมผัสกันบ้าง เริ่มจาก เกาะสิมิลัน จ.พังงา เป็นสวรรค์ของนักดำน้ำเลยก็ว่าได้ น้ำทะเลใส ปะการังไล่เฉดสี ปลาสวยงามว่ายไปมาเยอะมาก ดำน้ำได้ทั้งแบบ Scuba Diving และ Snorkeling ช่วงนี้นักท่องเที่ยวน้อยน่าไปมากๆ

หมู่เกาะสุรินทร์ จ.พังงา เป็นที่ดำน้ำตื้น (Snorkeling) ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่ง ไฮไลท์ของที่นี่คือแนวปะการังที่สมบูรณ์ เรียงยาวสุดลูกหูลูกตา แถมมีจุดดำน้ำสวยๆ ให้ดำได้หลายที่ อด้วย เกาะหลีเป๊ะ จ.สตูล หาดทรายขาว น้ำทะเลใสเห็นปลาแหวกว่ายริมหาด มีจุดดำน้ำชมปะการังทั้งน้ำลึกและน้ำตื้นหลายจุด บนตัวเกาะก็ยังมีส่วนของหมู่บ้านชาวเล และถนนคนเดิน สามารถช้อปปิ้งสินค้าและอาหารพื้นเมืองยามค่ำคืนได้อีกด้วย

เกาะเต่า – เกาะนางยวน จ.สุราษฎร์ธานี เกาะสวยที่โด่งดังเรื่องทะเลแหวก น้ำทะเลใส ที่นี่ยังมีแนวปะการังใต้น้ำยาวกว่า 8 กม. ดูน่าตื่นตาตื่นใจ โดยเฉพาะ “กองหินชุมพร” จุดดำน้ำที่มีชื่อที่สุดของเกาะเต่า มีลักษณะเป็นกองหินใต้น้ำขนาดใหญ่ ดอกไม้ทะเล ปะการังดำ ปลาหูช้าง ปลาสาก และเป็นที่ที่คนมาดำน้ำจะเจอปลาฉลามวาฬแวะเวียนเป็นประจำ แต่แป๋มยังไม่เคยเจอเลย สงสัยต้องไปใหม่ซะแล้ว แป๋มเองสอบดำน้ำกลางคืนที่นี่ค่ะ ถึงแม้ในน้ำตอนกลางคืนจะมืดจนแทบมองไม่เห็น แต่ก็มีบรรยากาศตอนส่องไฟดูปลา เห็นแพลงตอนลอยไปมา น่าตื่นเต้นไปอีกแบบ

ปิดท้ายด้วย เกาะกูด จ.ตราด ที่มีหาดสวยๆ อยู่รอบเกาะ โดยเฉพาะที่อ่าวกล้วย ซึ่งมีหาดทรายขาวยาวกว่า 300 เมตร แถมยังมีน้ำตกคลองเจ้าในตัวเกาะ หากใครไม่อยากขึ้นรถลงเรือหลายต่อ ก็สามารถพักที่ Soneva Kiri แล้วบินตรงด้วยเครื่องบินส่วนตัวของรีสอร์ท จากสนามบินสุวรรณภูมิไปลงที่เกาะกูดเพียงชั่วโมงเดียวเท่านั้น ช่วงนี้มีราคาพิเศษสำหรับคนไทยที่สนใจจองล่วงหน้าอีกด้วย รวมถึงยังมีอีกหลายแห่งที่อยู่ในลิสต์ เช่น เกาะพีพี จ.กระบี่ ทะเลในมีผืนน้ำเป็นสีเขียวมรกตงดงาม อ่าวมาหยาที่ปิดชั่วคราวเพื่อให้ฟื้นตัวจากสภาพบอบช้ำจากการท่องเที่ยวที่ถาโถมในช่วงก่อนหน้านี้ และ เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี ที่โด่งดังในเรื่องของฟูลมูน ปาร์ตี้ ท่ามกลางพระจันทร์เต็มดวง ปีนี้คงได้ไปเที่ยวที่สวยๆ เมืองไทยอีกหลายแห่งเลยค่ะ

ขอขอบคุณ ภาพและข้อมูล

คุณปิยะดา ปุณณกิติเกษม
เจ้าของเพจ PPGALLERY (พีพีแกลเลอรี่)

ในช่องทาง Instagram: @ppgallery และ Facebook: PPGALLERY
www.ppgallery.net

ชลธิช วรรณอุบล I บรรณาธิการดิจิทัล