TOP

นิยามของ ‘ความสวย’ จากคำตอบของ อแมนด้า ออบดัม I AROUND MAGAZINE

PERFECTLY BEAUTIFUL เมื่อพูดถึง ‘ความสวย’ แน่นอนว่าใครๆ ต่างก็ต้องนึกถึงรูปลักษณ์ภายนอกก่อนเป็นอย่างแรกซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร เพียงแต่ในความเป็นจริงนั้น แค่รูปลักษณ์ภายนอกอาจยังไม่เพียงพอที่จะให้คุณค่าและคำนิยามของ ‘ความสวย’ หากแต่ยังต้องรวมไปถึงมุมมอง ความคิด และจิตใจด้วยจึงจะเป็นนิยามความสวยที่แท้จริง ซึ่งถ้าจะให้ยกตัวอย่างแบบเป็นรูปธรรมให้เห็นชัดๆ ในนาทีนี้ชื่อที่ดังขึ้นมาเป็นชื่อแรกๆ คงไม่มีใครเกิน “อแมนด้า ออบดัม” สาวงามที่นำเอาเอกลักษณ์ความสวย และมีเสน่ห์ในแบบของสาวไทยไปแสดงให้ปรากฏต่อทุกสายตาบนเวทีโลก

ทันทีที่เดินทางกลับมา AROUND ก็ไม่รอช้า คว้าตัวเธอมาโพสต์ท่าสวยปังระดับจักรวาล พร้อมพูดคุยอัพเดตทุกเรื่องราวทั้งหน้าและหลังเวที โดยเมื่อถึงเวลานัดหมายเธอก็ปรากฏตัวพร้อมรอยยิ้มสดใส และกล่าวทักทายทีมงาน ก่อนจะนั่งประจำที่เล่าย้อนกลับไปถึงขั้นตอนการเตรียมตัวตั้งแต่ก่อนเดินทางไปประกวด “การเป็นนางงามไม่ใช่เรื่องง่ายเลย บางคนมองว่าง่ายนิดเดียว แค่ขึ้นไปยืนบนเวที แต่จริงๆ ไม่ใช่เลยค่ะ ยังมีอีกหลายองค์ประกอบ ทั้งเรื่องของการฟิตหุ่น เพราะแน่นอนว่าการประกวดนางงามไม่ว่าอย่างไรก็ต้องมีเรื่องของรูปลักษณ์ เราก็ต้องรักษาหุ่นให้ดี ต้องเพิ่มความฟิต เพิ่มความสตรอง เพราะเดี๋ยวนี้เขาต้องการผู้หญิงที่สตรอง รวมถึงเรื่อง performance การเดิน ซึ่งก็ต้องขอบคุณพี่ลูกเกด และ Muse by Metinee ด้วยค่ะ ด้าไปเรียนเดินเพิ่ม คือต้องเดินโดยใส่การเต้นเข้าไปด้วย เพราะการเดินโดยเพิ่มการเต้นเข้าไป จะทำให้ดูมีลีลามากขึ้น มีสะโพก มีเอว ทำให้รู้สึกเหมือนเป็นสาวละติน เห็นได้ถึงความแตกต่างเลยว่าเวลาเดินดูเป็นตัวเอสมากขึ้น

อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากๆ เลยก็คือเรื่องของการตอบคำถาม เดี๋ยวนี้คณะกรรมการให้ความสำคัญมากในเรื่องการตอบคำถามของนางงามอาจจะเป็นตัวชี้วัดเลยก็ได้ ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องขอบคุณอาจารย์ธง และครูออมที่เข้ามาช่วยกันเดาว่าเขาจะถามว่าอะไร เพื่อเตรียมตัวหาข้อมูลเพิ่มความรู้ในเรื่องนั้นๆ ซึ่งตลอดระยะเวลาเกือบ 6 เดือนที่ใช้ในการเตรียมตัว ไม่เคยมีสักครั้งที่ท้อเลยนะคะ ส่วนเรื่องเหนื่อยมีอยู่แล้ว (หัวเราะ) ปกติค่ะ แต่ว่าไม่เคยท้อ เพราะเราก็มองว่าพี่ๆ ทีมงานทุกคนทุกฝ่ายต่างก็เข้ามาช่วยเหลือเรา เพื่อที่จะให้เราพร้อมที่สุดในการประกวดเพราะฉะนั้นก็เลยไม่เคยรู้สึกท้อเลยค่ะ คือจะรู้สึกว่าเราทำตรงนี้ให้ดีที่สุด ถ้าหากว่าเหนื่อยไม่ไหวก็ค่อยบอกว่าขอพักหน่อยเท่านี้เองค่ะ”

และถึงแม้ว่าจะเหนื่อย แต่เธอก็ยังคงมองว่าวงการนางงามคือสิ่งที่มีเสน่ห์และทำให้เธอหลงใหลจนถอนตัวไม่ขึ้น “โดยส่วนตัวด้า ก่อนที่จะเป็นนักแสดงก็เป็นนางงามมาก่อนนะคะ คือเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นค่ะ ซึ่งก็อยากจะบอกทุกคนว่า วงการนางงามเข้าแล้วออกยากมาก (หัวเราะ) ตอนแรกก็คิดว่าจะประกวดดีเหรอ แต่พอเราได้ลิ้มรสดูแล้วก็รู้สึกว่าสนุกมากเพราะการประกวดนางงามก็เหมือนการเข้าค่าย แต่เป็นการเข้าค่ายที่ทำให้เราโตขึ้นมากๆ เช่นเดียวกับการประกวดครั้งนี้ที่ก็ทำให้รู้สึกว่าเราโตขึ้น แต่ว่าก็ยังเป็นด้าคนเดิมไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเปลี่ยนแปลงอะไรไปจากข้างใน แค่ว่าความคิดโตขึ้น มีความมั่นใจมากขึ้น แล้วก็ได้รู้จักตัวเองเพิ่มมากขึ้นด้วยค่ะ”

สำหรับการประกวดท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส ที่อาจทำให้บรรยากาศแตกต่างไปจากเดิมบ้าง คือต้องมีการ swap test อยู่เป็นระยะ โดยสาวสวยคนนี้เล่าให้ฟังว่าตลอดระยะเวลาที่เก็บตัวอยู่ 11 วัน ต้องทำเทสต์ประมาณ 3 – 4 รอบ นอกเหนือจากการสวมใส่แมสก์ตลอดเวลาที่ทำกิจกรรม แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ได้ทำให้ความสนุกประทับใจ และมิตรภาพระหว่างนางงามเบื้องหลังเวทีลดน้อยลงไปเลย “เหตุการณ์ประทับใจคือ จะเป็นตอนที่อยู่หลังเวที วินาทีตอนก่อนที่จะขึ้นบนเวที สาวงามทั้ง 74 ประเทศ ตื่นเต้นกันหมดเพราะทุกคนรอคอยโมเมนต์นี้ แล้วพอเราอยู่ตรงนั้นทุกคนมีความกลัว มีความตื่นเต้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่สิ่งที่ประทับใจก็คือทุกคนจะคอยเชียร์อัพกันว่าเธอทำได้ ด้วยคำพูดว่า ‘You are so beautiful. Go kill it!’ คือมันเป็นโมเมนต์ที่เรามองแล้วรู้สึกว่าถึงแม้ว่าจะเป็นการแข่งขัน แต่การที่เราจะไปให้สูงขึ้น มันไม่จำเป็นว่าเราจะต้องกดคนอื่นลง คือทุกคนสามารถขึ้นไปด้วยกันได้

ส่วนประเทศไทยในมุมมองของต่างชาติโดยมากแล้วก็เป็นเหมือน Travel Destination ที่ดังและคนนิยมกันแต่สิ่งที่ทุกคนประทับใจมากที่สุดก็คือแฟนนางงามไทยค่ะ (หัวเราะ) เวลาเดินผ่านมุมหนึ่งจากห้องนอนไปกินข้าวตอนเช้า แฟนคนไทยก็จะมารอให้กำลังใจแล้วตะโกนไทยแลนด์ๆ จนเพื่อนนางงามต้องทักทุกคนว่า โห อแมนด้า ไทยแลนด์นี่เดอะเบสท์มากแล้วปรบมือให้ ถามว่าแฟนเยอะไม่เยอะก็ไม่รู้นะคะ แต่เสียงเราดังสุดเสียงเราชนะเลิศค่ะ” พูดจบพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดี ซึ่งนอกเหนือจากกองเชียร์และเพื่อนนางงาม ที่เป็นกำลังใจให้อยู่ข้างหลังเวทีแล้วสาวสวยคนเก่งคนนี้เธอยังพกเอาความมั่นใจไปเต็มร้อยนั่นจึงทำให้ทุกครั้งที่เราได้เห็นภาพของเธอปรากฏอยู่บนเวที เธอมักจะมาพร้อมด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและสีหน้าแห่งความมั่นใจ

“ทุกครั้งที่เห็นด้าอยู่บนเวที หรือไม่ว่าจะทำกิจกรรมใดๆ ในการประกวดก็ตามมันเป็นความสุขค่ะ เพราะก่อนที่จะบินไปเราคิดไว้แล้วว่าความกลัว ความตื่นเต้นต่างๆ ให้ทิ้งไว้ที่ประเทศไทยเลย ไม่ต้องเอาไปให้คิดว่านี่คือครั้งหนึ่งในชีวิต ไปทำให้ดีที่สุด ทำให้มีความสุขที่สุด เพราะว่าถ้าเราย้อนกลับไปแล้วจำได้ว่าตอนนั้นทำไมกลัวจังเลย เราจะไม่มีความสุข เพราะฉะนั้นทำให้เหมือนว่าถ้าเราย้อนกลับไปได้ แล้วเราจะยอมรับกับตัวเองว่าเราทำหน้าที่ตรงนั้นดีที่สุดแล้ว ทุ่มให้เต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่เห็นด้าอยู่บนเวทีก็คือความภูมิใจ ความสุขที่มันออกมาจริงๆ ค่ะ (ยิ้ม) ซึ่งวิธีการสร้างความมั่นใจให้ตัวเองสำหรับด้าคือการ pep talk ตัวเอง เหมือนเป็นการบิ้วท์ตัวเอง คือพูดกับตัวเองทุกวัน ถ้าเสียงที่อยู่ในหัวเราบอกว่ากลัวจังเลย เราก็จะเกิดความกลัวไปเอง เพราะฉะนั้นทุกครั้งที่พูดกับตัวเองก็จะบอกว่า อแมนด้ายูเก่งมาก ยูทำได้ ไม่ต้องรอให้คนอื่นมาพูดกับเรา หรือชมเรา เราชมตัวเองก่อนเลย”

เห็นเป็นสาวสวยที่มั่นใจขนาดนี้ แต่ใครจะรู้ตอนเด็กนั้นเธอไม่ชอบตัวเองเลย “ตอนเด็กๆ ด้าไม่ใช่แบบนี้เลยค่ะ เป็นเด็กค่อนข้างผอม แต่ก็ไม่เคยโดนบูลลี่นะคะ เพราะก็เป็นคนที่ค่อนข้างจะไม่ยอมคือทุบมาทุบกลับค่ะ (หัวเราะ) จะเป็นตัวเราเองมากกว่าที่ไม่ชอบตัวเองเลย แต่มีจุดพลิกที่ทำให้เราคิดได้ ช่วงนั้นอยู่กับคนที่เรารักค่ะ แล้วมีเหตุการณ์ที่ทำให้เห็นว่าคนอื่นรักเรามากขนาดไหน แล้วทำไมเราถึงไม่รักตัวเอง ก็เลยเป็นจุดที่ทำให้คิดได้ว่าคนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่าง แต่เราต้องรักตัวเองก่อน เลยอยากจะฝากถึงใครที่กำลังโดยบูลลี่นะคะว่าทุกปัญหามีทางออก ถ้ายังเด็กอยู่ก็ขอให้แจ้งผู้ใหญ่ให้เข้ามาช่วยเหลือ แต่ถ้าเราโตแล้วก็อยากให้ฟาดมาฟาดกลับอย่าไปแคร์ค่ะ เขาทุบมาเราทุบกลับได้ขอให้มั่นใจในตัวเองว่าเราก็มีค่า มีคุณค่าเท่ากับคนอื่นๆในโลกนี้ อย่าคิดว่าตัวเองไร้ค่า

แล้วถ้าใครคิดว่าตัวเองไม่สวย ความสวยมันเป็นสิ่งที่สร้างขึ้นมาเอง สำหรับด้านิยามความสวยคือเป็นตัวของตัวเองค่ะ ไม่ต้องไปแคร์ว่าคนอื่นจะคิดอะไร เพราะว่าพวกค่านิยมต่างๆ ที่เรามีกันในสังคม เป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้นมาเอง ดูได้อย่างชัดเจนเลยว่าแต่ละประเทศก็ไม่เหมือนกันแล้ว เพราะฉะนั้นขอให้มั่นใจในตัวเอง รักตัวเอง แล้วก็เป็นตัวของตัวเองค่ะไม่ต้องไปแคร์คนอื่น ให้คิดว่าตัวเองสวยที่สุด บอกตัวเองใช้คำพูดที่ใจดีกับตัวเอง ถึงคนอื่นจะบอกว่าเราไม่สวยแต่เราต้องบอกตัวเองว่าฉันสวยที่สุด” ทิ้งท้ายพร้อมกับส่งรอยยิ้มมั่นใจ ก่อนจะหันกลับไปประจำที่ให้ทีมงานหน้าผมเตรียมพร้อมเติมความสวยสำหรับแฟชั่นเซ็ตวันนี้ต่อไป

 

– เรื่อง จักรีรัตน์ อัสดรวุฒิไกร –

ชลธิช วรรณอุบล I บรรณาธิการดิจิทัล