TOP

ฮอตกว่าซัมเมอร์ “ก็อต อิทธิพัทธ์ ฐานิตย์” เปลือย(ใจ) ไม่โรแมนติกแต่จริงใจครับผม!

นาทีนี้หากจะพูดถึงนักแสดงหนุ่มหน้าใหม่ ที่ร้อนแรงแข่งกับอุณหภูมิของอากาศหน้าร้อนในบ้านเรา ชื่อของ ก็อต – อิทธิพัทธ์ ฐานิตย์ คงเป็นหนึ่งในหลายชื่อที่ปรากฏขึ้นมาในใจของใครหลายคนอย่างรวดเร็ว ด้วยรูปร่างสูงสมาร์ท กับลุคที่ดูหล่อสไตล์อปป้าเกาหลี ยิ่งเมื่อบวกกับความสามารถทางการแสดงที่มีพัฒนาการขึ้นทุกๆ วัน ก็บอกได้เลยว่าการจะขึ้นไปยืนอยู่แถวหน้าบนเส้นทางในวงการบันเทิงคงไม่ใช่เรื่องยาก

เมื่อมีคิวว่างหนึ่งวัน เราจึงชักชวนหนุ่มก็อตออกมาพักผ่อน รับลมชมบรรยากาศท่ามกลางความหรูหราและสวยงามของ เรเนซองส์ พัทยา รีสอร์ท แอนด์ สปา สถานที่พักผ่อนซึ่งสามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย และอยู่ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ แถมด้วยการล่องเรือดื่มด่ำบรรยากาศความสวยงามอย่างใกล้ชิดมากยิ่งขึ้นกับ Blue Voyage Thailand โดยในขณะนั่งประจำที่เตรียมความพร้อม เราได้ถือโอกาสนี้เข้าไปพูดคุยทำความรู้จัก กับหนุ่มคนนี้ให้มากขึ้นอีกนิด

 

“จุดเริ่มต้นของผมมาจากการที่เราไปเป็นนายแบบก่อน ตอนนั้นเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ คณะนิเทศศาสตร์ แล้วก็มีอาจารย์ชวนไปแคสต์เดินแบบ ตอนนั้นเราก็ว่างๆ เสาร์อาทิตย์ไม่รู้จะทำอะไรก็เลยลองไปแคสต์เล่นๆ หาประสบการณ์ดูครับ เผื่อว่าจะได้เงินมาใช้จ่ายบ้าง ตอนนั้นยังเด็กๆ ก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายครับ จากนั้นก็มีงานถ่ายแบบ เดินแบบมาเรื่อยๆ แล้วก็ไปแคสต์ซีรีส์ ตอนนั้นเขามีเปิดแคสต์ นั่นก็เลยเป็นจุดเริ่มต้นให้มาทางสายการแสดงเต็มตัวครับ คือพอมีโอกาสเข้ามาเราก็ทำจนมาถึงทุกวันนี้ สำหรับผม ผมไม่ทิ้งโอกาส เราสู้ไปก่อน ลองไปก่อน โดยที่ไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเป็นอย่างไร ขอแค่ให้ได้ทำไปก่อนครับ” หนุ่มก็อต เริ่มต้นเล่าให้เราฟังถึงที่มาที่ไป ก่อนจะได้มาเดินบนเส้นทางในวงการบันเทิง

แต่หากจะย้อนไปก่อนหน้านั้น หนุ่มคนนี้ก็ได้สารภาพกับเราว่า ไม่เคยสนใจการทำงานในวงการบันเทิงมาก่อน เพราะคิดว่าเป็นสิ่งที่ไกลตัว แถมตอนช่วงมัธยมยังเป็นนัก (โดด) เรียนอีกด้วย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งวีรกรรมที่เฮี้ยวไม่เบา “ตอนเด็กๆ ผมจะไม่ค่อยชอบเรียนหนังสือครับ ไม่ใช่ว่าเป็นเด็กหลังห้องนะครับ แต่เรียกว่าเป็นเด็กไม่อยู่ในห้องเลยดีกว่า (หัวเราะ) ไม่ชอบเรียนเลยครับ ตอนเช้าพอคุณแม่มาส่งที่โรงเรียน ก็จะโดดเรียน โดดแบบกระจุยกระจายเลย ทั้งๆ ที่โรงเรียนก็โดดยากมากเลยนะครับ เพราะเป็นโรงเรียนชายล้วน ก็เลยจะเข้มมากๆ มียามรอบโรงเรียน แต่ผมก็จะหาวิธีโดดเรียนให้ได้ ไม่รู้เป็นอะไร ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันครับ” พูดจบพร้อมกับหัวเราะอย่างอารมณ์ดีให้กับความแสบซ่าของตัวเองในวัยเด็ก ก่อนจะบอกเล่าถึงบทบาทของพี่ชาย ที่มีน้องสาวซึ่งอายุห่างกันถึง 7 ปี ว่าโดยส่วนตัวเขาไม่ใช่พี่ชายที่ดุหรือเข้มงวดกับน้องเท่าไหร่นัก แต่จะใช้วิธีพูดตรงๆ และบอกในสิ่งที่ถูกที่ผิดมากกว่า

 

ส่วนกับความสำเร็จของผลงานละครเรื่องล่าสุด “ซ่อนเงารัก” ที่หนุ่มคนนี้ ได้ขยับขึ้นมาเป็นพระเอกเต็มตัวนั้น หนุ่มก็อตก็ได้บอกกับเราว่า “สำหรับเรื่องนี้เป็นการทำงานที่ได้ขยับขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่งนะครับ แต่เราไม่ได้คาดหวัง ผมจะพูดทุกครั้งที่ได้ให้สัมภาษณ์ เพราะก็ไม่ได้คาดหวังจริงๆ ตอนที่รับเล่น ก็เพราะแค่ว่าอยากจะฝึกตัวเองเท่านั้น คือรู้สึกว่าเรายังไม่เก่งมาก ก็อยากจะพัฒนาตัวเอง คิดแค่นั้นเลยว่าเล่นๆ ไปจะได้เก่งขึ้น อนาคตเผื่อว่ามีบทยากๆ ท้าทายมาอีกเราจะได้เก่งขึ้นไปอีก ไม่ได้คิดเลยว่าจะต้องมีกระแส มีคนชื่นชอบ คิดแค่ว่าทำให้เสร็จเพื่อจะได้จบ แล้วจะได้มีเรื่องต่อๆ ไป เป็นผลงานต่อๆ ไป ไม่ได้หวังว่าจะต้องมีคนดูเยอะ หรือจะต้องเป็นที่พูดถึงในวงกว้าง แต่พอผลลัพธ์ออกมาแบบนี้ เราก็ดีใจครับ แล้วก็หายเหนื่อย แล้วทำให้เรามีแรงในการทำงานต่อไปครับ” (ยิ้ม)

 

นอกเหนือจากความสำเร็จของกระแสและเรตติ้งแล้ว ละครเรื่องนี้ยังส่งให้เกิดคู่จิ้นคู่ใหม่ในวงการอีกด้วย ซึ่งแม้ว่าจะต้องอาศัยการตีสนิทและปรับตัวเข้าหากัน ระหว่างหนุ่มคนนี้กับนางเอกของเรื่อง (ริชชี่ อรเณศ) อยู่พอสมควรในช่วงเริ่มต้น “ด้วยความที่เป็นละครรัก แล้วมันมีซีนที่ต้องรักกันมากๆ เพราะว่าพระเอกกับนางเอกต้องแต่งงานกันตั้งแต่ต้นเรื่องเลย แล้วก็ต้องเล่นให้ดูรักกันมากๆ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวคนดูไม่เชื่อ เราก็คิดว่าจะทำอย่างไรดี ทีนี้พอไปๆ มาๆ ได้เข้าซีนกัน เราก็มีความอยากรู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไร ก็เหมือนเพื่อนที่แค่ว่าอยากจะรู้จัก พอได้คุย ได้เข้าซีน ทำงานด้วยกันตลอด ก็เลยสนิทกัน ตอนแรกก็แอบกังวลบ้าง แต่ผมคิดว่าผมเข้ากับคนอื่นได้ครับ เชื่อว่าเราต้องมีจุดที่เข้ากันได้ เพียงแต่ว่าอาจจะต้องใช้เวลานิดหนึ่ง เพราะคนเราไม่เหมือนกันครับ”

 

เมื่อพูดคุยถึงตรงนี้เราจึงอาศัยจังหวะที่หนุ่มคนนี้กำลังเพลินๆ ชิงถามเรื่องความรักว่า ถ้าหากคิดจะจีบผู้หญิงสักคนหนึ่งจะใช้วิธีการตีสนิทแบบเดียวกันกับที่ใช้ตีสนิทริชชี่ไหม หนุ่มก็อตก็ได้ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ ก่อนจะบอกว่า “ไม่นะครับ เอ๊ะ หรือว่าใช่ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ก็อาจจะต้องเริ่มจากการคุยกันครับ แต่จะคุยด้วยวิธีไหนก็แล้วแต่ ต้องเริ่มแบบนั้นล่ะครับ ประมาณนั้นก่อนถ้าจะเริ่มคุยกับใครสักคน มีคอนแทคกัน อะไรแบบนี้ครับ แล้วก็ชวนคุยสานสัมพันธ์ต่อ แต่ส่วนถ้ามีความรักแล้วผมว่าตัวเองไม่ค่อยโรแมนติกนะครับ คือผมเป็นแนวจริงใจ จริงจังมากกว่า จะไม่โรแมนติก ไม่มีว่าอยู่ดีๆ มานั่งทำซีน หรือเซอร์ไพรส์อะไร คือผมจะเต็มที่กับช่วงเวลาที่เราอยู่ด้วยกันมากกว่า ตอนเด็กๆ ก็อาจจะมีบ้างนะโมเมนต์แบบนั้น แต่พอโตมาก็รู้สึกว่ามันไม่ยืดยาว คือถ้าวันหนึ่งเราทำเซอร์ไพรส์ แล้วอยู่ดีๆ เราไม่อยากทำล่ะ อีกฝ่ายเขาจะรู้สึกอย่างไร สู้เราเป็นตัวเราตั้งแต่ต้นจนจบไม่ดีกว่าหรือ ผมจะเป็นแบบนี้มากกว่าครับ”

จากเรื่องหัวใจมาถึงเรื่องการดูแลสุขภาพฟิตร่างกายกันบ้าง ยิ่งในช่วงที่ตารางคิวแน่นเอี๊ยดแบบนี้ การจะออกกำลังกายที่ยิมถือเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ดังนั้นเขาจึงหันมาดูแลตัวเองเรื่องการกิน และพยายามออกกำลังกายให้ได้ทุกที่ทุกเวลามากกว่า “ช่วงนี้ก็แค่หาเวลานอนให้พอก็ถือว่าโอเคแล้วครับ (หัวเราะ) คือก็จะมีบางช่วงที่ถ้าเราอินกับการดูแลตัวเองมากๆ ก็จะเทรนหนักขึ้น แต่ว่าถ้าช่วงไหนที่เวลาน้อย แล้วรู้สึกว่ายังไม่อยากบิ้วท์อะไรมาก ก็อาจจะเล่นไม่หนัก แต่ทุกวันก็จะเล่น ในแต่ละเดือนก็จะมีการดูแลตัวเองอยู่แล้ว ซึ่งก็ต้องแล้วแต่ความถี่ แล้วแต่ความว่าง แล้วแต่ความขี้เกียจด้วย แต่ส่วนใหญ่จะเน้นการกิน เพราะวันดีคืนดีเราอาจจะต้องเข้าซีนที่ต้องถอดเสื้อ ก็ต้องดูแลบ้าง ไม่ได้ถึงขนาดกินคลีน แต่ก็จะพยายามไม่กินของหวาน ของอ้วน ของมันมาก คือก็กินบ้าง แต่กินน้อย ซึ่งก็จะดีสำหรับเราในช่วงเวลาที่เราไม่ได้เล่นฟิตเนส พอเรากลับไปเล่นมันก็จะไม่เหนื่อยมาก ส่วนการออกกำลังกายก็ทำบ้าง แต่ในช่วงที่ไม่ค่อยมีเวลาแบบนี้ เราก็จะหาวิธีง่ายๆ เลยก็คือไปเดิน ยกนั่นยกนี่ ย้ายนั่นย้ายนี่ พยายามให้ร่างกายได้ขยับ หากิจกรรมทำ แล้วมันก็ได้ประโยชน์กับเราด้วย นั่นแหละผมก็ถือว่าเป็นการออกกำลังกาย บางทีก็ออกไปเดิน เดินไปซื้อของหลังกินข้าวเสร็จ เดินให้ไกลขึ้น เยอะขึ้น ใส่หูฟังเพลงเดินไปเรื่อยๆ แล้วก็อาจจะเซ็ตระยะในโทรศัพท์ก็จะมีแอพการเดิน เพื่อให้ดูว่าวันหนึ่งเราเดินได้เท่าไหร่ ผมก็ถือว่าวิธีนี้แหล่ะก็เป็นการออกกำลังกาย แล้วมันก็เบิร์นแคลลอรี่ไปในตัวนะ สำหรับคนที่ไม่ค่อยมีเวลา เพราะคือโดยส่วนตัวแล้ว ผมคิดว่าออกกำลังกายไม่จำเป็นจะต้องเข้าฟิตเนสอย่างเดียว ไม่ว่าจะทำอะไรก็สามารถออกกำลังกายได้ ด้วยความที่เมื่อก่อนเราก็ออกกำลังกายหนักมา ก็จะรู้ว่าทำอะไรแล้วเบิร์น หรือทำอะไรแล้วจะได้เหงื่อบ้าง”

พอเล่าถึงตรงนี้ เราสังเกตเห็นทีมงานเริ่มส่งสัญญาณแสดงความพร้อมในการถ่ายทำแฟชั่นเซ็ตวันนี้แล้ว จึงให้หนุ่มหล่อคนนี้ทิ้งท้ายผลงานก่อนจากกันไป “จริงๆ ก็มีละครนะครับ แต่ว่าก็ยังไม่ได้วางตัวอะไรแน่ชัดว่าเล่นกับใคร ซึ่งก็จะเป็นผลงานกับทางช่อง 3 นี่ล่ะครับ ฉะนั้นตอนนี้ก็เลยอยากจะฝากเป็น channel ทางยูทูบไว้ก่อน เพราะกำลังเป็นสิ่งใหม่สำหรับเรา ชื่อ gxxodturday ที่จริงช่องนี้มีทำมาสักพักหนึ่งแล้ว แต่หยุดไปช่วงหนึ่ง เพราะว่าเรายังหาจุดที่เป็นตัวตนของเราไม่เจอ ตอนนี้ก็เพิ่งเริ่มกลับมาทำจริงจังครับ พยายามจะทำให้วาไรตี้มากขึ้น ไปทำนั่นนี่ ทำอะไรที่คิดว่าแฟนคลับอยากจะเห็น อาจจะเป็นมุมที่ผมไม่เคยทำ แล้วก็จะเป็นรายการที่ lively มากขึ้น จะไม่ใช่เหมือนที่เขาเห็นเราในทีวี คือเป็นตัวตนเราเลยจริงๆ มีบางคลิปที่ผมต้องตัดต่อเองด้วยครับ ก็อยากจะฝากให้ทุกคนไปช่วยกันกด subscribe ช่วยกันติดตามหน่อยครับ” พูดจบพร้อมกับส่งยิ้มหวานเรียกยอดไลค์ ก่อนจะหันไปประจำที่หน้ากล้อง ทำหน้าที่ของตัวเองต่อไป

 

เรื่อง จักรีรัตน์ อัสดรวุฒิไกร

ที่มา : AROUND MAGAZINE

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด