TOP

สุดยอดความอร่อย 5 ร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ที่ “กินซ่า ทองหล่อ”

AROUND พาไปสัมผัสกับสีสันแห่งใหม่ใจกลางย่านทองหล่อ ณ Ginza Thonglor บนชั้น 2 และ 3 ของ Hotel Nikko Bangkok ที่ได้ยกเอาสุดยอดความอร่อยและความหลากหลายทางรสชาติ จากย่านกินซ่ามารวบรวมไว้ในที่เดียว

 

Tokyo Yakiniku Shoutaian

ชั้น 3 Ginza Thonglor

ต้นตำรับร้านยากินิคุชื่อดัง ที่จะเข้าไปครอบครองพื้นที่หัวใจของกลุ่มคนรักเนื้อชาวไทย ให้ได้ฟินกระจายแบบไม่ต้องบินไปไกลถึงญี่ปุ่น กับสุดยอดเมนูเนื้อย่างคุโรเกะวากิว (Kuroge Wagyu) หรือวัวขนดำ ซึ่งทั่วโลกขนานนามให้เป็น “อัญมณีแห่งเนื้อ” ที่พกพาความอร่อยมาให้นักชิมได้ลิ้มลองเป็นสาขาแรกในประเทศไทย ได้นำเนื้อระดับพรีเมี่ยมมาเสิร์ฟในแบบปิ้งย่างยากินิคุ ให้นักชิมได้สัมผัสกับความฟินขั้นสุดของเนื้อคุโรเกะวากิว ส่วนที่ดีที่สุดในเกรด A5 ขึ้นไปเท่านั้น ผ่านการรังสรรค์ด้วยกรรมวิธีการปรุงชั้นสูง จนได้รสชาติอันเป็นเลิศเกินบรรยาย พร้อมพนักงานที่คอยย่างเนื้อให้ลูกค้าที่โต๊ะอย่างเป็นส่วนตัว และบรรจงปิ้งแต่ละชิ้นมาให้แบบยังคงความฉ่ำของเนื้อเอาไว้ และเมื่อนำไปจิ้มกับซอสสูตรพิเศษรสชาติเข้มข้นเฉพาะตัว ที่ใช้ไวน์อย่างดีในการเคี่ยว ก็ยิ่งช่วยชูรสชาติเนื้อให้ยิ่งสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ และทางร้านยังขึ้นชื่อด้วยเมนู Nomeru Hamburg หรือแฮมเบิร์กเนื้อวากิวคุโรเกะ ที่ได้ชื่อว่า “Melt in your mouth Hamburg Steak” ด้วยรสสัมผัสอันแสนนุ่มชุ่มฉ่ำละลายในปาก ด้วยเทคนิคการปรุงแบบฉบับของญี่ปุ่นโดยเฉพาะ โดยมีให้เลือกทั้งเมนู Lunch รวมถึง Dinner แบบ Omakase ในช่วงเย็น ซึ่งแต่ละเมนูที่ทางร้านได้เลือกเฟ้นมาเสิร์ฟความอร่อย ก็ล้วนแล้วแต่จะทำให้คุณติดใจจนต้องกลับมาครั้งแล้วครั้งเล่า

 

Unakichi

ชั้น 3 Ginza Thonglor

ได้ชื่อว่าเป็นร้านที่เชี่ยวชาญด้านการทำข้าวหน้าปลาไหลเป็นพิเศษ โดยเสิร์ฟเมนูจากปลาไหลที่ทางร้านมีฟาร์มเลี้ยงเป็นของตัวเองบริเวณแม่น้ำชิมันโตะ จังหวัดโคจิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นบริเวณที่มีน้ำใสบริสุทธิ์ไหลจากภูเขา อันเป็นแหล่งกำเนิดวัตถุดิบชั้นเลิศ รายล้อมด้วยธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ โดยปลาไหลทุกตัวผ่านกรรมวิธีเลี้ยงแบบพิเศษ และส่งตรงมาให้คนไทยได้ลิ้มลองความอร่อยกันในหลากหลายเมนู แต่ที่จะพลาดไม่ได้เลยเมื่อมาถึงร้านนี้ ก็คือ ข้าวหน้าปลาไหล ที่เชฟบรรจงย่างปลาไหลทั้งตัวอย่างพิถีพิถัน และใส่ใจด้วยกรรมวิธีเฉพาะของทางร้าน ที่มีการอบเพิ่มให้เนื้อยิ่งนุ่มพอดี แล้วทาด้วยซอสทาเระสูตรพิเศษ เสิร์ฟร้อนๆ ตามสไตล์และรสชาติดั้งเดิมของคนญี่ปุ่น ที่หากินได้ยากในกรุงเทพฯ ซึ่งเมนูปลาไหลชิมันโตะนี้มีความโดดเด่นตรงเนื้อ ที่มีความนุ่มและมีไขมันในปริมาณที่พอดี ถือเป็นเมนูที่ทางร้านการันตีความอร่อยของรสชาติและความปลอดภัย ที่ไม่ว่าใครที่ได้ชิมก็จะต้องประทับใจและติดอกติดใจอย่างแน่นอน

 

Steak House HIRO

ชั้น 3 Ginza Thonglor

ด้วยความตั้งใจของคุณอูโนะ ฮิโรชิ ที่อยากจะสร้างร้านสเต็กเฮาส์ที่เข้าถึงง่าย จึงได้พัฒนารสชาติแบบญี่ปุ่นและตะวันตกเข้าด้วยกัน จุดเด่นของทางร้านอยู่ตรง “เนื้อฮิดะ” ซึ่งส่งตรงมาจากญี่ปุ่นและนำมาปรุงเป็นหลากเมนูสเต็กให้คนรักเนื้อได้ฟินในทุกคำ โดยเมนูเอกของร้าน อย่าง HIDA Beef Sirloin Steak ก็จัดเป็นเมนูสเต็กคุณภาพระดับพรีเมี่ยม ในราคาที่เข้าถึงได้ และถือเป็นอีกหนึ่งร้านที่คอสเต็กตัวจริงไม่ควรพลาด

 

 

CHEZ SHIBATA 365

ชั้น 3 Ginza Thonglor

ร้านของหวานฝรั่งเศส สไตล์ญี่ปุ่นฝีมือเชฟชิบาตะ ผู้ซึ่งสั่งสมประสบการณ์จากการเป็นเชฟขนมฝรั่งเศสมายาวนานกว่า 40 ปี และยังเป็นเชฟชื่อดังที่ได้รับเลือกให้เป็นทูตด้านการท่องเที่ยวของเมืองทาจิมะ ซึ่งเขาได้เริ่มทำร้านของตัวเองมาตั้งแต่ปี 1995 จนมีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั่วญี่ปุ่น และสามารถขยายออกเป็นหลายสาขาทั้งในญี่ปุ่น เซี่ยงไฮ้ ฮ่องกง และมาถึงสาขาแรกในประเทศไทย ที่มาพร้อมคอนเซ็ปต์แสนน่ารักอย่าง “Sweet Everyday” ที่ให้คุณได้แวะมาเติมความหวานในทุกๆ วัน ด้วยการลิ้มรสขนมเบเกอรี่สไตล์ฝรั่งเศสในแบบที่ต่างออกไปจากเดิม ด้วยการผสมผสานความละมุนละไมแบบญี่ปุ่นเข้าไปอย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็น กลิ่น รสชาติ หรือแม้กระทั่งเนื้อสัมผัส โดยเลือกใช้วัตถุดิบชั้นดีจากญี่ปุ่นและทั่วโลก โดยมีเมนูใหม่ล่าสุดที่คุณจะต้องหลงรักไปกับความแปลกไม่ซ้ำใคร อย่าง Chou Brûlée ชูครีมรูปแบบใหม่สอดไส้คัสตาร์ดครีมวานิลลาแท้ๆ ที่ผสมผสานกับ Salted Caramel สุดเข้มข้น ให้ได้สนุกไปกับสัมผัสความกรอบของ Almond Tulie ที่ผ่านการพ่นไฟแบบชิ้นต่อชิ้น ซึ่งเคลือบอยู่ด้านนอกจนได้กลิ่นหอมโชยขึ้นมาเตะที่จมูก พร้อมรสชาติสุดละมุนลิ้นที่อร่อยฟินตั้งแต่คำแรกจนคำสุดท้าย

 

 

Café Kaldi

ชั้น 2 Ginza Thonglor

จากความชื่นชอบในการเดินทางที่ได้ตะเวนออกไปหาประสบการณ์มาแล้วทั่วโลกของคุณโนบุโอะ โอดะ จนทำให้ตัดสินใจเปิดคาเฟ่เล็กๆ ในญี่ปุ่นเมื่อปี 1983 ที่มีชื่อว่า Kaldi Coffee Farm และได้รับความนิยมเป็นอย่างมากมาจนถึงปัจจุบันจนได้มีการขยายไปถึง 430 สาขาทั่วประเทศญี่ปุ่น และ 5 สาขาในประเทศไต้หวัน และก็มาถึงเวลาของประเทศไทยกับสาขาแรก ที่พร้อมให้สายคาเฟ่ได้สัมผัสกับความสุดยอดของเครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้าน อย่าง โคคูโตะ ลาเต้ และอะซุกิ กรีนที มิลค์ รวมถึงยังมีเมล็ดกาแฟคั่วบดคุณภาพระดับพรีเมี่ยม พร้อมเครื่องชงกาแฟต่างๆ ให้สามารถได้ซื้อกลับไปลองทำเองที่บ้านได้อีกด้วย

 

ที่มา : AROUND MAGAZINE

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด