
“Jim Thompson X Baan Krua” คอลเลกชันครั้งประวัติศาสตร์ของ ‘จิม ทอมป์สัน’ จับมือ ‘บ้านครัว’ การกลับมาในรอบ 48 ปี
ณ ซอยเกษมสันต์ 2 ที่ตั้งของ พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน เพียงไม่กี่ก้าวจากอาณาจักรจิม ทอป์สัน ข้ามคลองแสนแสบไปเป็นที่ตั้งของชุมชนเก่าแก่ “บ้านครัว” ดินแดนของชาวจามมุสลิมจากกัมพูชา ที่ได้รับพระราชทานที่ดินให้ตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ พ.ศ. 2330 ณ สะพานหัวช้างจรดวัดพระยายัง ตลอดแนวริมคลอง เป็นระยะเวลาประมาณ 238 ปีที่ผ่านมา ในสมัยของพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช (รัชกาลที่ 1) จนถึงทุกวันนี้
อะราวด์ได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนชุมชนบ้านครัวแห่งนี้ ณ บ้านเลขที่ 837 ริมคลองแสนแสบ อาคารบ้านไม้เก่าแก่สองชั้น ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวเรื่องเล่า การเดินทางของเส้นไหมบ้านครัวอันยาวนาน การทอผ้าไหมด้วยกี่กระตุกที่ยังคงอนุรักษ์ไว้ในแบบดั้งเดิม เป็นบ้านทอผ้าไหมหลังเดียวและหนึ่งเดียวของกรุงเทพฯ ในเวลานี้แถวย่านราชเทวีและปทุมวัน ที่ยังคงยืนหยัดอนุรักษวัฒนธรรมการทอผ้าไหมบ้านครัวอันเป็นอัตลักษณ์ ผ่านการต้อนรับอันอบอุ่นจาก คุณนิพนธ์ มนูทัศน์ เจ้าบ้านทายาทรุ่นที่ 3 และเจ้าของโรงทอผ้าไหมแห่งสุดท้ายที่ยังดำเนินกิจการอยู่ในชุมชนบ้านครัวจนถึงปัจจุบัน
คุณนิพนธ์เล่าให้ฟังว่า ครอบครัวชาวจามมีวัฒนธรรมการทอผ้าไหมพื้นเมืองที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน สตรีชาวจามมีฝีมือการทอผ้าใช้เองในครัวเรือน อย่าง ทอผ้าโสร่ง ผ้าขาวม้า สำหรับผู้ชาย และผ้าโจงกระเบนสำหรับผู้หญิงใช้ในชีวิตประจำวัน สำหรับลวดลายดั่งเดิมที่เป็นซิกเนเจอร์ อย่าง ลายกระรอก ลายเต่า และเส้นทอของผ้าไหมคุณภาพสูง เนื้อแน่นละเอียด สีสวยสดทนทานในกรรมวิธีการผลิตแบบดั้งเดิม และนับตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน ผ้าไหมจากชุมชนบ้านครัวยังถูกส่งเข้าไปในราชสำนักตลอดทุกรัชกาลเลยทีเดียว แต่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พ.ศ. 2482–2488 การทอผ้าของชุมชนบ้านครัวได้หยุดชะงักชั่วคราว ก่อนกลับมาสานต่อหลังสงครามยุติ พร้อมกับการเข้ามาของจิม ทอมป์สัน ผู้มีบทบาทในการผลักดันผ้าไหมไทยสู่สายตาชาวโลก
เสียงกี่กระทบในยุคสมัยนั้น การทอผ้าในช่วงเวลากลางวันของหลายครัวเรือนเสียงดังผสานกัน ดึงดูดให้จิม ทอมป์สันตามรอยที่มาของเสียงด้วยความสงสัย จนได้มาสัมผัสกับการทอผ้า ที่เหล่าสตรีมีความสามารถรังสรรค์ผ้าผืนไว้ใช้และขาย โดยแบ่งเวลาทำงานได้จากที่บ้าน จนเขาเกิดความหลงใหลในเสน่ห์ของผ้าไหมบ้านครัว ลวดลาย สีสันจากธรรมชาติ และคุณสมบัติอันเป็นอัตลักษณ์ ทำให้เขาแวะมาเยือนชุมชนนี้ทุกวัน ภาพของวันวานที่จิม ทอมป์สัน ได้มีความผูกพันกับชุมชนบ้านครัว ยังคงแจ่มชัดในความทรงจำของคุณนิพนธ์
ภายหลังที่จิม ทอมป์สัน ได้เข้ามามีส่วนร่วมกับช่างทอของชุมชน เขาได้นำเทคนิคการย้อมสีแบบใหม่ นำนวัตกรรมของสีเคมีเข้ามาพัฒนาให้เหมาะสมกับผ้าไหมจนได้ผ้าไหมที่มีสีสดงดงามคงทน พร้อมออกแบบแพทเทิร์นผ้าที่ร่วมสมัยด้วยตัวเอง ทำให้ผ้าไหมไทยในนามของ “จิม ทอมป์สัน” แปรรูปสู่วงการแฟชั่นมีความโดดเด่นไม่เหมือนใคร และยังนำผ้าไหมบ้านครัวไปเปิดตัวที่สหรัฐอเมริกา เรียกว่าได้รับความนิยมเป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายบนเวทีสากลจนเขาได้รับฉายา “ราชาไหมไทย” และนั่นเป็นความภาคภูมิใจลึก ๆ ของผู้ที่อยู่เบื้องหลังเส้นใยไหมแท้แห่งความงดงามอันทรงคุณค่า และเต็มไปด้วยความหมาย
หลังจากการหายตัวไปอย่างลึกลับของจิม ทอมป์สัน ชุมชนบ้านครัวยังคงทอผ้าไหมเพื่อส่งมอบให้กับทีมของจิม ทอมป์สัน ต่อเนื่องอีกกว่า 10 ปี ก่อนหมดสัญญา และหลังจากนั้น ช่างฝีมือจำนวนมากจากชุมชน ก็ได้เข้าไปทำงานต่อที่โรงทอของบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด ของจิมป์ ทอมป์สัน ที่จังหวัดนครราชสีมา เพื่อสืบสานภูมิปัญญาการทอผ้าแบบดั้งเดิมอย่างต่อเนื่อง โดยแบรนด์ยังคงใช้กี่ทอผ้าแบบเดียวกับที่ช่างทอบ้านครัวเคยใช้ ปัจจุบันมีช่างฝีมือท้องถิ่นประมาณ 60 คน ที่ยังคงทอผ้าไหมด้วยมือ เพื่อสานต่อมรดกตกทอดอันทรงคุณค่านี้
การกลับมาในรอบ 48 ปี
ความร่วมมือของ ‘จิม ทอมป์สัน’ และ ‘บ้านครัว’
กับคอลเลกชัน Jim Thompson X Baan Krua
นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของความร่วมมือกันอีกครั้ง หลังจากจิมทอมป์สัน หายตัวไปอย่างลึกลับ และบ้านครัวหมดสัญญาการผลิตผ้าไหมส่งให้กับบริษัท อุตสาหกรรมไหมไทย จำกัด ของจิม ทอมป์สัน โดยการกลับมาร่วมงานกันครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในรอบ 48 ปี ตอกย้ำบทบาทของจิม ทอมป์สัน ในการสานต่อตำนานผ้าไหมไทยในบริบทโลกยุคใหม่
จิม ทอมป์สัน สร้างประวัติศาสตร์ครั้งใหม่ ได้เผยโฉมคอลเลกชัน Jim Thompson X Baan Krua ยกย่องมรดกการทอผ้าอันทรงคุณค่าจากความสัมพันธ์อันยาวนานกว่า 7 ทศวรรษกับ ชุมชนทอผ้าบ้านครัว ในกรุงเทพฯ ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของแบรนด์ตั้งแต่ช่วงทศวรรษ 1950 ราว 75 ปีที่ผ่านมา โดยคอลเลกชันพิเศษล่าสุดนี้ รังสรรค์ร่วมกับ นิพนธ์ มนูทัศน์ ทายาทรุ่นที่ 3 และเจ้าของโรงทอผ้าไหมแห่งสุดท้าย ที่ยังดำเนินกิจการอยู่ในชุมชนบ้านครัว โดยมุ่งมั่นสืบสานมรดกการทอผ้าไหมแบบดั้งเดิม
คอลเลกชันนี้ ยังเป็นการเฉลิมฉลองความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นระหวางจิม ทอมป์สัน กับชุมชนช่างทอผ้าไทยบ้านครัว โดยดึงแรงบันดาลใจจากแพทเทิร์นในอาร์ไคฟ์และเทคนิคการทอที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน และลวดลาย ‘ผ้าขาวม้า‘ แบบดั้งเดิม มารังสรรค์เป็นไอเทมแฟชั่นที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่ 4 ไอเทมซิกเนเจอร์ทำจากไหมทอมือ ได้แก่ กางเกง Fisherman สำหรับสุภาพสตรี, ผ้าพันคอ, พ็อกเก็ตสแควร์ และเนกไท นำเสนอในลวดลายและสีสันทั้งหมด 4 แบบ ได้แก่ Pakaoma Rose Pink, Border Stripes Blue, Horizontal Stripes Beige และ Border Stripes Pink โดยแต่ละลายสะท้อนฝีมือการทอผ้าอันประณีตของชุมชนบ้านครัวอย่างแท้จริง
นันท์นภัส เวโรจนวัฒน์ ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดของจิม ทอมป์สัน “คอลเลกชัน Jim Thompson X Baan Krua ตอกย้ำดีเอ็นเอของแบรนด์ในการรักษามรดกอันทรงคุณค่า นำลวดลายผ้าขาวม้า มานำเสนอในรูปแบบที่โมเดิร์นขึ้น ความร่วมมือครั้งประวัติศาสตร์กับชุมชนทอผ้าบ้านครัวนี้ สะท้อนความมุ่งมั่นของเราในการผลักดันหัตถศิลป์ไทยสู่เวทีสากล ผ่านแฟชั่นไอเทมที่เข้ากับยุคสมัยใหม่ได้อย่างลงตัว”
เพื่อฉลองความร่วมมือสุดพิเศษ จิม ทอมป์สัน จัดแสดงคอลเลกชันแฟชั่น และนิทรรศการภาพถ่ายและประวัติศาสตร์ของชุมชนบ้านครัว โดยเป็นส่วนหนึ่งของการทัวร์พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2568 ถึง 4 มกราคม 2569 เพื่อเปิดโอกาสให้ผู้เข้าชมได้สัมผัสลวดลายผ้าไหมอันเป็นเอกลักษณ์และความทุ่มเทของช่างฝีมือในชุมชนบ้านครัว
คอลเลกชัน Jim Thompson X Baan Krua
วางจำหน่ายที่: ไอคอนิก สโตร์ ณ จิม ทอมป์สัน
เฮอริเทจ ควอเตอร์ ซอยเกษมสันต์ 2