TOP

New Normal Trip 4 จุดหมายปลายทางเที่ยวเมืองไทย…ได้ฟีลเหมือนไปเมืองนอก

ในยามที่การท่องเที่ยวต่างประเทศยังทำได้เพียงแค่ฝัน ลองหันมามองที่เที่ยวในเมืองไทย แล้วจะค้นพบว่า ยังมีสถานที่อีกมากมายที่คล้ายคลึงกับต่างประเทศ แค่ได้ไปชมก็เก็บบรรยากาศความงดงาม ที่ชวนให้จินตนาการว่าได้ไปเที่ยวเมืองนอกกันแล้ว

 

เที่ยววิถีสโลว์ไลฟ์ “เขื่อนรัชชประภา”
กุ้ยหลินเมืองไทยที่เมืองสุราษฎร์

เขื่อนรัชชประภา หรือ เขื่อนเชี่ยวหลาน ที่ตั้งอยู่ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี นอกจากจะเป็นเขื่อนกักเก็บน้ำสำคัญ และเป็นแหล่งประมงน้ำจืด ที่ช่วยสร้างรายได้ให้กับชาวบ้าน ทัศนียภาพภายในอ่างเก็บน้ำยังงดงามด้วยภูเขาหินปูนน้อยใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านสูงต่ำทั่วเขื่อน จนก่อให้เกิดน้ำสีเขียวมรกตใสแจ๋วอันเป็นเอกลักษณ์ เรียกว่า สวยอลังการจนติดอันดับสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของประเทศ และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นกุ้ยหลินเมืองไทยอีกด้วย โดยเฉพาะในยามเช้าที่มีหมอกเรี่ยยอดเขา หรือคล้อยต่ำลงมาคลอผิวน้ำ จนเกิดเป็นภาพอันงดงาม ภายในเขื่อนมีจุดไฮไลต์สำคัญคือ เขาสามเกลอ เขาหินปูนสามลูกขนาดไล่เลี่ยที่ตั้งอยู่ท่ามกลางผืนน้ำสีเขียว โอบล้อมด้วยผาหินสูงชันที่อัดแน่นด้วยต้นไม้เขียวชอุ่ม สลับจัดวางเป็นฉากธรรมชาติอย่างละลานตา นอกจากนี้ ยังสามารถนั่งเรือไปชมถ้ำปะการัง ที่แม้จะไม่มีปะการังจริงให้ได้ชม แต่หินงอกหินย้อยน้อยใหญ่ภายในถ้ำก็มองแล้วได้จินตนาการเดียวกันกับปะการังไม่ผิดเพี้ยน เส้นทางเข้าชมต้องเดินผ่านหุบเขาราว 800 เมตร ก่อนล่องแพเข้าไปที่ปากถ้ำ และภายในบริเวณเขื่อนที่ติดกับอุทยานแห่งชาติเขาสก ยังมีแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติอื่นๆ เช่น ถ้ำน้ำทะลุ ถ้ำประกายเพชร ไว้รอต้อนรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย

———-||———-

 

“ผาช่อ อุทยานแห่งชาติแม่วาง”

อลังการแกรนด์แคนยอนเมืองไทย ที่ เชียงใหม่

แม้จะตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ แต่ “ผาช่อ” กลับให้บรรยากาศเหมือนแกรนด์แคนยอนที่สหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีลักษณะเป็นหน้าผาดินที่เกิดจากปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยา ถูกกัดเซาะจนเกิดลวดลายสลับซับซ้อน คล้ายกับปรากฏการณ์การเกิดแพะเมืองผีของจังหวัดแพร่ หรือละลุของจังหวัดสระแก้ว ความงดงามของผาช่อนั้น อยู่ที่หน้าผาดินซึ่งสูงตระหง่านกว่า 30 เมตร หากไปยืนอยู่ด้านล่างจะคล้ายถูกโอบกอดด้วยธรรมชาติอันงดงาม การเข้าไปชมผาช่อก็พิเศษเช่นกัน จากปากทางต้องเดินลัดเลาะผ่านเส้นทางธรรมชาติ และลำธารน้ำที่แห้งขอดแล้วเข้าไปยังหน้าผาราว 500 เมตร หากใครอยากได้แสงที่งดงามสำหรับถ่ายภาพ แนะนำให้ไปช่วงเช้าหรือบ่ายจัดๆ ที่จะได้แสงสีทองสวยอาบไล้หน้าผา ตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าอย่างงดงาม

———-||———-

 

“สกายวอร์คอัยเยอร์เวง”
บรรยากาศสะพานกระจกลอยฟ้าจางเจียเจี้ย ณ เบตง

สกายวอร์คอัยเยอร์เวง เป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ของอำเภอเบตง จังหวัดยะลา ถือเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวที่สวยตระการตา โดยเฉพาะในยามเช้าตรู่ ที่เราจะได้ชื่นชมกับทะเลหมอกแดนใต้ที่งดงามไม่แพ้ที่ใด จนชวนให้คิดถึงสะพานกระจกลอยฟ้าของอุทยานแห่งชาติจางเจียเจี้ย สาธารณรัฐประชาชนจีน ที่ถือเป็นสะพานกระจกที่สูงและยาวที่สุดในโลก สกายวอร์คอัยเยอร์เวงตั้งอยู่บนความสูงมากกว่า 2,038 ฟุต จากระดับน้ำทะเล ตั้งหันหน้าไปทางทิศตะวันออก ทำให้มองเห็นวิวรับอรุณได้อย่างเต็มสายตา และด้วยความสูงเช่นนี้เองจึงทำให้มีหมอกปกคลุมตลอดทั้งปี หากมาในยามสายที่สายหมอกจางลง จะมองเห็นทิวทัศน์ของป่าฮาลาบาลา และเขื่อนบางลางได้ แม้ความยาวของระเบียงกระจกที่นี่จะไม่ทอดยาวเท่าจางเจียเจี้ย แต่สามารถมองทะลุลงไปชมวิวจากมุมสูงได้ไม่ต่างกัน หากใครอยากไปชมทะเลหมอก แนะนำให้ไปถึงก่อนพระอาทิตย์ขึ้น เนื่องจากจุดชมวิวที่เป็นสะพานกระจกนั้น จำกัดจำนวนผู้เข้าชม โดยจะเปิดเป็นรอบให้ทยอยเดินสลับกันเข้าไป อาจต้องใช้เวลารอคิวพอประมาณ

———-||———-

 

“ภูป่าเปาะ” ชมวิว 360 องศา ฟูจิเมืองเลย

ภูป่าเปาะ เป็นจุดชมวิวบนยอดเขาที่ตั้งอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลราว 900 เมตร ในอดีตเคยเป็นป่าเสื่อมโทรม ที่ต่อมามีการฟื้นฟูสภาพป่าจนสมบูรณ์ และกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดเลย ความพิเศษของภูป่าเปาะ คือความสูงที่เมื่อขึ้นไปถึงจุดชมวิวจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศา เท่ากับว่าสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ที่จุดเดียวกัน ไฮไลต์สำคัญอยู่ที่จุดชมวิวซึ่งมองเห็นภูหอ ภูเขายอดตัดที่มีรูปทรงคล้ายภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น โดยเฉพาะในยามเช้าที่มีหมอกบางๆ เคลียยอดเขา นอกจากนี้ ใกล้กันกับภูป่าเปาะยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอย่าง สวนผาหินงาม ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นคุนหมิงเมืองไทย เรียกว่าได้ไปเที่ยวทั้งญี่ปุ่นและจีนในวันเดียวกัน

————————————————-

เรื่องโดย: กองบรรณาธิการ นิตยสาร BOT พระสยาม

ที่มา: นิตยสาร BOT พระสยาม ฉบับที่ 2/2021

เหมือนจันทร์ ศรีสอาด