หลังจากเปิดตัวครั้งแรกในปี 2007 กระเป๋า Prada Galleria ได้กลายเป็นไอคอนภายในจักรวาลของ Prada โดยชื่อของกระเป๋ารุ่นนี้ถูกตั้งขึ้นจากบูติกแห่งประวัติศาสตร์ที่ก่อตั้งโดย Mario Prada ในปี 1913 ซึ่งนั่นก็คือ Galleria Vittorio Emanuele II  กระเป๋า Prada Galleria เป็นการนำกลับมาตีความ และจินตนาการใหม่อย่างไม่รู้จบ ฤดูกาลแล้วฤดูกาลเล่า จนกลายเป็นทั้งตัวสะท้อนของแฟชั่นในแต่ละยุคสมัย และยังเป็นต้นฉบับของดีไซน์เหนือกาลเวลาอีกด้วย 

สำหรับปี 2024 กระเป๋า Prada Galleria ถูกนำกลับมาคิดค้นใหม่ ทั้งในส่วนพื้นผิวและโครงสร้าง ผลิตด้วยหนังพิมพ์ลายแบบนิ่ม (Soft grain) นำความคลาสสิกสู่ทรรศนะใหม่ โดยมีการปรับเปลี่ยนน้ำหนักให้เบาขึ้น หนังวัว (Calfskin) อันอ่อนนุ่มที่บริเวณด้านนอก และหนังแกะ (Nappa) จากด้านใน ทำให้กระเป๋ามีความอ่อนตัวอย่างไม่เคยเป็น ความแบบบางเคลื่อนไหวตามสัมผัส ฮาร์ดแวร์ทั้งหมดของกระเป๋าจะเคลือบด้วยสีทอง และสีจะเปลี่ยนจากสีดำบริสุทธิ์มาเป็นโทนสีอบอุ่นธรรมชาติ 

การตีความใหม่นี้ ถือเป็นการนำเสนอตัวกระเป๋า Galleria ในฐานะแผ่นผ้าใบสำหรับสร้างสรรค์ผลงานศิลปะ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญในการออกแบบที่ต้องการนำเสนอเอกลักษณ์ของ Prada รายละเอียดการใช้หมุดขนาดเล็กเคลือบสีทองปกคลุมทั่วบริเวณพื้นผิวด้านนอก เฉกเช่นลายจุดหรือ Point d’esprit หมุดคือรูปแบบของการตกแต่งที่ Prada ได้ศึกษาค้นคว้าซ้ำแล้วซ้ำเล่าผ่านแฟชั่นและเครื่องประดับ ความแข็งของหมุดคือความขัดแย้งอีกอย่างหนึ่งที่เกิดกับโครงสร้างอันอ่อนนุ่มของกระเป๋า Galleria ซึ่งเป็นดีเทลการเล่นกับพื้นผิวให้น่าสนใจยิ่งขึ้น

เทคนิกการทำงานของเครื่องหนัง Prada เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในฐานะผู้เชียวชาญมาตั้งแต่ปี 1913 กระเป๋า Galleria ในคอลเลกชันนี้ มาพร้อมการตกแต่งด้วยดอกไม้สามมิติจากการทำมือทีละชิ้นบนแผ่นหนังชั้นดี สามารถวางดอกไม้บนพื้นราบของกระเป๋า ทั้งดอกกุหลาบที่ถูกขดอย่างประณีต หรือดอกอะนีโมนี (Anemone) ที่บานสะพรั่ง ล้วนถูกนำมาตีความอีกครั้งในแบบกราฟิก โดยช่างฝีมือผู้มากความสามารถของ Prada 

สิ่งนี้เป็นการเชื่อมโยงถึงคอลเลกชันเครื่องแต่งกายของ Prada อย่างแท้จริง การตกแต่งด้วยใบไม้ได้รับการนำเสนอมากว่า 4 ทศวรรษ การประดับประดานี้เป็นทั้งเอกลักษณ์อันโดดเด่นของแบรนด์ และยังเป็นการแสดงออกถึงคุณภาพขั้นสูงที่ขยายความคำว่า Made in Italy และชื่อ Prada ได้เป็นอย่างดี